รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมโควิด – 19 มีมติให้บริษัทจดทะเบียน สามารถเลื่อนการประชุมได้

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมโควิด – 19 มีมติให้บริษัทจดทะเบียน สามารถเลื่อนการประชุมได้

            รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมโควิด – 19 มีมติให้บริษัทจดทะเบียน สามารถเลื่อนการประชุมกรรมการและผู้ถือหุ้น จากกำหนดเดิมวันที่ 30 เมษายน 2563 นี้ออกไปได้ หากจำเป็นประชุมให้ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์แทน



            วันนี้ (23 มีนาคม 2563) เวลา 17.20 น. ณ โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) เสร็จสิ้น  นายเทวัญ ลิปตพัลลภรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงผลการประชุม สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
 
            รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ที่ประชุมเน้นย้ำ 6 มาตรการของรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการการคัดกรองบุคคลที่เดินทางเข้าประเทศไทย การปิดพรมแดนทั่วประเทศ ยกเว้นช่องทางขนส่งสินค้าเท่านั้น รวมถึงการกระจายหน้ากากอนามัย โดยที่ประชุมยังไม่มีการพูดคุยถึงการใช้      พรก.ฉุกเฉินเพื่อดูแลสถานการณ์ในขณะนี้  ทั้งนี้การประชุม ครม. พรุ่งนี้จะมีการพิจารณามาตรการช่วยเหลือเยียวยา ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการในช่วงเวลานี้
 
            อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ยังมีมติ ให้บริษัทจำกัด บริษัทมหาชน ที่จดทะเบียนทางการค้ากับกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ให้สามารถแจ้งเพื่อขอเลื่อนการประชุมกรรมการ ผู้ถือหุ้น ประจำปีจากเดิมที่กฎหมายกำหนดไว้ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 เมษายนนี้ของทุกปี โดยทางกระทรวงพาณิชย์ จะยกเว้นค่าปรับ หากบริษัทใดมีความจำเป็นก็สามารถใช้วิธีการประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ หรือผู้ถือหุ้นใช้วิธีมอบอำนาจกรรมการอิสระได้   หากต้องจัดประชุมก็ต้องปฎิบัติตามมาตรการการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ทั้งจำกัดจำนวนคน ตรวจวัดอุณภูมิร่างกาย  จัดที่นั่งให้มีระยะห่างตามที่กำหนด  จัดให้มีแอลกอฮอลล้างมือในจุดต่างๆ
 
            โอกาสนี้  นางรื่นฤดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. ) กล่าวว่าปัจจุบันมีบริษัทที่จดทะเบียนมากกว่า 700 บริษัท ซึ่งก.ล.ต.จะแจ้งข้อมูลนี้ไปยังทุกบริษัท พร้อมย้ำว่า สามารถประชุมอิเล็กทรอนิกส์ได้ ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมยืนยันว่า สามารถใช้ระบบการประชุมนี้ได้
 
            จากนั้น นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามคำสั่ง คสช.ที่ออกมาก่อนหน้านี้ บริษัทสามารถประชุมอิเล็กทรอนิกส์ได้ เพราะเป็นการประชุมที่กฎหมายให้การรองรับ โดยมีเพียงสองเงื่อนไขเท่านั้นที่ประชุมได้ถูกต้องตามกฎหมายคือ 1. ผู้ร่วมการประชุมอย่างน้อย 1 ใน 3 ขององค์ประชุม จะต้องมาเข้าร่วมประชุมเช่น หากมีคณะกรรมการ 14 คน องค์ประชุม จะต้องมี 7 คน ดังนั้น 1 ใน 3 ของคณะกรรมการ 7 คนนี้ ก็เท่ากับ 3 คนต้องอยู่ในที่ประชุมร่วมกัน ก็ถือว่าประชุมร่วมกันได้ อีกหนึ่งเงื่อนไข คือ ผู้ร่วมประชุมต้องอยู่ในประเทศ พร้อมยืนยันว่าการประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ชอบด้วยกฎหมาย และมีผลในทางคดีต่าง ๆ  ด้วย

 


 

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/27734