นายกรัฐมนตรี ชื่นชมประชาชนให้ความร่วมมือกับมาตรการของรัฐ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล (Social distancing)
นายกรัฐมนตรี ชื่นชมประชาชนที่ให้ความร่วมมือกับมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเว้นระยะห่างระหว่างกันทางสังคม หรือ Social distancing รวมทั้งกระทรวงคมนาคมยังจัดที่นั่งบนรถโดยสารสาธารณะ โรงอาหาร มีระยะห่างที่เหมาะสมตามมาตรการของรัฐบาล
วันนี้ (27 มี.ค. 63) เวลา 11.30 น. ณ โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แถลงภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่มี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานฯ ว่า นายกรัฐมนตรีชื่นชมประชาชนที่ให้ความร่วมมือกับมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเว้นระยะห่างระหว่างกันทางสังคม หรือ Social distancing รวมทั้งกระทรวงคมนาคมยังจัดที่นั่งบนรถโดยสารสาธารณะ โรงอาหาร มีระยะห่างที่เหมาะสมตามมาตรการของรัฐบาล
ทั้งนี้ ที่ประชุม ฯ ยังรับทราบภาพรวมการดำเนินการต่าง ๆ ดังนี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขรายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดว่า วันนี้มีผู้ป่วยใหม่ 91 ราย รวมเป็นผู้ป่วยสะสม 1,136 ราย ทิศทางผู้ป่วยรายใหม่ลดลงเล็กน้อย ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังนำเสนอการเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ เช่น จำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ มีความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน โรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาลของทหาร ฯลฯ รวมถึง การปรับโรงแรมเป็นโรงพยาบาลเฉพาะกิจ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่มาก รวมถึงจำนวนเตียงผู้ป่วยใน 3 จังหวัดชายแดนใต้และอุปกรณ์ทางการแพทย์ มีเพียงพอรองรับผู้ป่วย รวมถึงการใช้ระบบออนไลน์ในการรายงานเกี่ยวกับสต๊อกสินค้าคงคลังอุปกรณ์เวชภัณฑ์ต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ด้วย ทั้งนี้ยังมีงบกลางที่สนับสนุนมาให้ถึง 1,500 ล้านบาท โดยให้กระทรวงสาธารณสุข เป็นศูนย์จัดซื้อและกระจายอุปกรณ์ทางการแพทย์และเครื่องมือต่าง ๆ กระจายให้ทั่วประเทศ สำหรับชุดตรวจเชื้อไวรัสที่มีความต้องการจำนวนมาก นายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติให้บริษัทเอกชนจำหน่ายทั้งลักษณะ pcr หรือการสอดเข้าไปในโพรงจมูก เสนอเพิ่มอีก 12 บริษัท และเรื่องของการเจาะเลือดดูแอนติบอดี้หรือภูมิคุ้มกันในร่างการเพิ่มอีก 3 บริษัท จึงมั่นใจชุดการตรวจต่าง ๆ มีเพียงพอสำหรับรองรับประชาชน
กระทรวงพาณิชย์รายงานการดูแลสินค้าราคาแพง โดยเฉพาะไข่ที่มีการขายปลีกในราคาที่สูงมาก ซึ่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้แจ้งว่า ขณะนี้ได้เข้าไปพูดคุยกับผู้ประกอบการสมาคมผู้ประกอบการไก่ไข่แล้ว โดยผู้ประกอบการรายใหญ่หรือฟาร์มนั้นยืนยันว่าราคาไข่ที่ออกจากฟาร์ม ไข่ฟอง 1 ราคาอยู่ที่ 2 บาท 80 สตางค์ ซึ่งคาดว่าจะเกิดจากพ่อค้าคนกลางต่าง ๆ ทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ราคาไข่ที่ 2 บาท 80 สตางค์ สามารถตั้งราคาขายได้ที่ 3 บาท 35 สตางค์ ซึ่งขณะนี้สามารถหาซื้อไข่เบอร์ 3 ในราคารานี้ได้ตามร้านค้าชุปเปอร์มาเก็ต และ Modern Trade ต่าง ๆ รวมทั้งผู้ค้าปลีก ดิลิเวอรี่ ไลน์แมน ต่าง ๆ ได้ให้คำมั่นว่าจะไม่มีการขึ้นราคาบริการในช่วงนี้ รวมทั้งได้มีการผ่อนผันให้ศูนย์บริการโอเปอร์เรเตอร์โทรศัพท์ต่าง ๆ สามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ รวมถึงมีการผ่อนผันในเรื่องของการขนส่งสินค้า ที่มีการเข้า-ออก กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดกรณีการแก้ปัญหาหน้ากากอนามัยนั้น ยังเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา 3 เรื่อง ได้แก่ การขอให้มีการแต่งตั้งเพื่อยกระดับให้เป็นศูนย์บริหารจัดการหน้ากากอนามัยระดับชาติ โดยจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการบริหาร คณะอนุกรรมการกำหนดราคากลางสำหรับเวชภัณฑ์ป้องกันในระดับประเทศ และคณะอนุกรรมการพิจารณาการอนุญาตส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งหน้ากากอนามัยด้วย
โอกาสนี้ ปลัดกระทรวงมหาดไทยรายงานถึงจังหวัดที่มีผู้ป่วยจำนวนมากและเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงจะต้องยกระดับควบเข้มข้นทุกมาตรการ ทั้งมาตรการสกัดกั้นเชื้อจากนอกพื้นที่ และยับยั้งการแพร่ระบาด ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล กลุ่มจังหวัดทางด้านตะวันออกชลบุรีและพัทยา รวมถึงจังหวัดระยอง อุบลราชธานี ส่วนจังหวัดที่ต้องเน้นหนักมากเป็นพิเศษคือจังหวัดชายแดนใต้กับจังหวัดท่องเที่ยวทางภาคใต้ สงขลาปัตตานี ยะลา นราธิวาส และภูเก็ตซึ่งเป็นจังหวัดท่องเที่ยว
ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ รายงานการจัดเตรียมเครื่องบินเช่าเหมาลำไปรับคนไทยที่อยู่ประเทศอิตาลีต้องการเดินทางกลับประเทศ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุขจะได้ประสานงานร่วมกัน เพื่อหามาตรการดูแลคนไทยที่จะเดินทางกลับอย่างเหมาะสม เช่น ใบรับรองแพทย์ fit to fly เนื่องจากประเทศอิตาลีก็ถือเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงของคนติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ปลัดกระทรวงกลาโหมได้รายงานว่า ประชาชนให้ความร่วมมืออยู่บ้าน อย่างไรก็ตามจะมีการเพิ่มจุดตรวจในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 377 จุด อาจทำให้สัญจรไปมาไม่ราบรื่นบ้าง พร้อมกันนี้ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขอความร่วมมือทุกส่วนราชการช่วยกันตรวจสอบ Fake News หากพบข้อมูลข่าวสารที่ไม่ชอบ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำห่วงใยถึงผู้ปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยง ต้องมีการเตรียมพร้อมในการป้องกันตนเองโดยสวมหน้ากากอนามัยในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ด้วย พร้อมขอบคุณในน้ำใจทุกส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน และประชาชนที่ช่วยกันบริจาคในเรื่องของเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งยา หน้ากากอนามัย ฯลฯ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรียังสั่งการให้ปรับปรุงเพิ่มคู่สาย หมายเลข 1111 สายโทรศัพท์ รองรับสำหรับบริการประชาชนที่โทรเข้ามาจำนวนมาก รวมถึงช่องทางผ่านเว็บไซต์ใน Application และไลน์ โดยย้ำให้ผู้เกี่ยวข้อง นำวาระในที่ประชุมไปขยายผลและปฏิบัติให้เกิดผลให้ประชาชนได้รับทราบ รวมถึงนำไปปรับเป็นมาตรการต่าง ๆ ในการต่อสู้แก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อร่วมกันฝ่าฝันวิกฤตและปัญหานี้ไปให้
ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/28011
