ข่าวสารกิจกรรม, ข่าวไวรัสโควิด-19
ศบค.ยืนยันปริมาณยาในขณะนี้มีเพียงพอ แต่จำเป็นต้องชะลอจำนวนผู้ป่วยไม่ให้เพิ่มมากขึ้น
ศบค.ยืนยันปริมาณยาในขณะนี้มีเพียงพอ แต่จำเป็นต้องชะลอจำนวนผู้ป่วยไม่ให้เพิ่มมากขึ้น ย้ำกระบวนการป้องกันการแพร่ระบาดไทยมีประสิทธิภาพ อัตราการเสียชีวิตไทยอยู่ในระดับต่ำ
วันนี้ (9 เม.ย. 2563) เวลา 12.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ในนามโฆษก ศบค. ตอบคำถามสื่อมวลชนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเด็นสำคัญ ดังนี้
โฆษก ศบค. ได้ชี้แจงกรณีผู้ติดเชื้อต่างประเทศที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเกี่ยวกับจำนวนยาและเวชภัณฑ์ว่าเพียงพอหรือไม่ รวมทั้งมาตรการความช่วยเหลือคนไทยที่ยังตกค้างอยู่ในต่างประเทศ หลังจากมีการประกาศห้ามสายการบินเข้าประเทศไทย โดยยืนยันว่า ยาที่มีสำรองอยู่ขณะนี้จำนวน 400,000 กว่าเม็ด เพียงพอ อย่างไรก็ตามต้องขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้ติดเชื้อว่าจะมีเพิ่มขึ้นหรือไม่
นอกจากนี้ รัฐบาลกำลังสร้างมาตรการต่างๆ เพื่อรองรับช่วยเหลือประชาชนที่ยังคงตกค้างอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีสายการบินที่รอจะเข้ามาในประเทศไทยวันที่ 10 เมษายน 2563 นี้ โดยมีนักเรียน AFS จากประเทศสิงคโปร์ เนเธอร์แลนด์ และรัสเซีย จำนวนกว่า 100 ราย ที่สะสมอยู่ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศดูแลเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ขอให้บุคคลที่ยังไม่ได้ออกจากประเทศนั้นๆ อยู่ในประเทศที่ตั้งก่อน เพื่อไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหว เคลื่อนย้ายตัวขณะที่โรคกำลังระบาดอยู่ เพราะอาจจะไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการรวมตัวของกลุ่มคนจำนวนมาก ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) เพิ่มขึ้นได้
โฆษก ศบค. ยังชี้แจงว่า กรณีที่มีผู้ทำการขนส่งเวชภัณฑ์ในช่วงเวลาเคอร์ฟิว เจอด่านตรวจและถูกดำเนินคดีนั้น หากอยู่ในเกณฑ์ของการขนส่งสินค้าอุปโภค บริโภค และเวชภัณฑ์ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานประจำด่านตรวจรับทราบได้ ทั้งนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเคยชี้แจงจะมีการผ่อนผันและประกาศภายหลัง เนื่องจากการขนส่งสินค้าอุปโภค บริโภคนั้นมีความจำเป็น และไม่ใช่การออกไปสังสรรค์หรือการกระทำผิดในช่วงเวลาเคอร์ฟิว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงานสามารถผ่อนปรนให้ได้ สำหรับกรณีเอกสารรับรองที่บางหน่วยงานจัดทำแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอแก่ผู้ที่มีความจำเป็นที่จะต้องสัญจรในช่วงเวลาเคอร์ฟิว และจะต้องไปขอเอกสารรับรองเพิ่มเติมจากสถานีตำรวจหรือสำนักงานเขต นั้น โฆษก ศบค. ขอให้ประชาชนยึดตามกฎกติกาในพื้นที่นั้น ๆ เช่น ตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ช่วงเวลาเคอร์ฟิวคือ 22.00 น. ถึง 04.00 น. แต่บางจังหวัดได้กำหนดให้ช่วงเวลาเคอร์ฟิวเป็น 21.00 น. ถึง 05.00 น. ดังนั้นประชาชนในพื้นที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการของจังหวัด หากมีข้อสงสัยขอให้สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เพื่อความแน่ใจ
โฆษก ศบค. ยังขอความร่วมมือว่าหน้ากากอนามัยชนิด N95 เหมาะสมสำหรับบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น ถึงแม้ว่าจะต้องดูแลผู้ป่วยโรคอื่น ๆ ก็สามารถป้องกันได้ เพราะผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 นั้นอยู่ในการรักษาในสถานพยาบาลอยู่แล้ว สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้ใช้หน้ากากผ้า หากประชาชนหลายคนซื้อหน้ากากอนามัยชนิด N95 ก็จะยิ่งทำให้หน้ากากมีราคาที่สูงขึ้น หายากมากขึ้น รวมถึงหากนำหน้ากากอนามัยชนิด N95 มาใช้ไม่ถูกวิธีก็ทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันลดลง
โฆษก ศบค. ยังได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวที่สงสัยว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อน้อยเนื่องจากว่าอยู่ในช่วงฤดูร้อน หากเข้าฤดูฝนการแพร่ระบาดของโควิด-19 จำนวนของผู้ป่วยอาจจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นนั้นว่า ยังไม่มีการยืนยันว่าฤดูกาลจะส่งผลต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส เพราะยังเป็นเรื่องใหม่ต้องติดตามต่อไป เพราะตามแนวโน้มในปัจจุบันนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นหน้าร้อนแต่ตัวเลขผู้ป่วยนั้นก็ยังไม่คงที่
ตอนท้ายโฆษก ศบค. ได้แสดงตัวเลขที่สะท้อนถึงการทำงานที่มีประสิทธิภาพ โดยนายกรัฐมนตรีชื่นชมบุคลากรทุกคนที่เกี่ยวข้อง จากรายงานอัตราการเสียชีวิตของ 10 ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด ณ วันที่ 8 เมษายน 63 อันดับ 1 ที่มีการเสียชีวิตสะสมสูงสุดคือ ประเทศอิตาลี 12.63 % สหราชอาณาจักร 11.03% สเปน 9.92 % เบลเยียม 9.5% ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงกว่าไทยทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี ขณะที่อัตราการเสียชีวิตของไทยอยู่ที่ 1.26 % จึงอยากให้ทุกคนเชื่อมั่นกระบวนการที่ทำมา อีกหนึ่งตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับวงเงินที่ทั่วโลกใช้กระตุ้นเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เยอรมัน 21.8% มาเลเซีย 16.5% สเปน 16% สหราชอาณาจักร 15.8% ฝรั่งเศส 14.3% และประเทศไทยยังมากกว่าญี่ปุ่น 12% และประเทศไทยมากกว่าสหรัฐอเมริกา 10.7% เนื่องจากหลายประเทศมีการจัดเก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่าประเทศไทย เพราะฉะนั้นวงเงินใช้ในส่วนนี้มีจำกัด จึงขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพตนเองเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเงินค่ารักษาพยาบาล
ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/28713