ข่าวสารกิจกรรม, ข่าวไวรัสโควิด-19
ศบค.เตือน 3 กลุ่มเสี่ยง ต้องป้องกันตนเองตลอดเวลา เมื่อป่วยต้องรีบหยุดงาน
ศบค.เตือน 3 กลุ่มเสี่ยงทั้งผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย อาชีพเสี่ยงทำงานในสถานที่แออัด บุคลากรทางการแพทย์ และวัยทำงาน 20-39 ปี ต้องป้องกันตนเองตลอดเวลา เมื่อป่วยต้องรีบหยุดงาน
วันนี้ (10 เม.ย. 2563) เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ในฐานะโฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และความคืบหน้าในการดำเนินการตามมาตรการของรัฐ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
1. สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 50 ราย ผู้ที่หายป่วย 1,013 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,473 ราย ใน 68 จังหวัด มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1 ราย เป็นผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 43 ปี อาชีพค้าขาย มีโรคประจำตัวคือ SLE แพ้ภูมิตัวเอง ได้รับการรักษาวันที่ 6 เมษายน 63 ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ด้วยอาการไข้ 38.9 องศา ถ่ายเหลวและอาเจียน แรกรับผู้ป่วยหายใจหอบเหนื่อย ความดันโลหิตตก ผลเอ็กซเรย์ปอดพบว่าปอดอักเสบแบบรุนแรง เสียชีวิต 7 เมษายน 63 ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วย โฆษก ศบค. ย้ำความจำเป็นที่ต้องพูดถึงเคสต่าง ๆ โดยละเอียดเพื่อประชาชนได้เรียนรู้ เพราะโรคนี้เป็นโรคใหม่ อาการเกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ แต่มีอาการด้านอื่น ๆ ประกอบด้วย เมื่อรู้เร็ว สังเกตอาการ สามารถดูแลซึ่งกันและกันตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ในกลุ่มอายุ 20-39 ปี เป็นกลุ่มวัยทำงานที่เข้มแข็ง ออกจากบ้าน เดินทางไปมา มีสังคม ไม่ลดระยะห่างทางสังคม ทำให้เกิดการนำเชื้อเข้ามาที่บ้าน แล้วติดเชื้อที่บ้าน หากไม่เปลี่ยนแปลงตัวเลขก็จะเพิ่มขึ้น ๆ จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนสามารถที่จะลดตัวเลขนี้ได้ ทุกคนต้องดูแลสุขภาพของตัวเอง สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ 50 ราย พบว่า กลุ่มสูงสุด คือ สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ชิดในบ้านเดียวกันแต่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นทำให้คนอื่นในบ้านติดด้วย จึงต้องมีการมีระยะห่างไว้ก่อน ฉะนั้น อยู่ในบ้านช่วงระยะนี้จะต้องใส่หน้ากากอนามัยด้วยสำหรับประวัติเสี่ยงของผู้ป่วยรายใหม่ กลุ่มแรก เป็นผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยยืนกันก่อนหน้านี้ 27 ราย โดยส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ 19 ราย ยะลา 7 ราย กลุ่มที่สองคือผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ แต่เกี่ยวโยงกับต่างชาติที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา 1 คน อังกฤษ 2 คน ซึ่งเดินทางมาก่อน 31 มีนาคม 63 และมีคนที่ไปสถานที่ชุมนุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว 3 คน ทำงานในสถานที่แออัด ทำงานใกล้ชิดสัมผัสกับคนต่างชาติ 5 คน กลุ่มที่สาม อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค ค้นหาเชิงรุก ที่จังหวัดภูเก็ตได้เพิ่มอีก 4 ราย ซึ่งที่จังหวัดภูเก็ตยังเป็นตัวเลขสะสมในอันดับต้นๆ ของประเทศอยู่ ถ้าเปรียบเทียบระหว่างจังหวัดแล้ว จังหวัดภูเก็ตจะสูงมาก ฉะนั้นเวลาที่จะมีมาตรการเข้าไปก็ต้องแรงกว่าปกติ ซึ่งขณะนี้ถือว่าเป็นมาตรการที่แรงแล้ว เพราะเข้าไปเจาะบางกลุ่ม และตรวจทางห้องปฏิบัติการให้มากที่สุดในกลุ่มที่เป็นความเสี่ยง
โฆษก ศบค. กล่าวว่า จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยรับการรักษามี 9 จังหวัด คือ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี และอ่างทอง เมื่อดูอัตราส่วนของผู้ป่วยต่อประชากร 1 แสนคนของประเทศไทยจำแนกตามจังหวัดพบว่า จังหวัดที่มากที่สุดคือจังหวัดภูเก็ต 38.95 กรุงเทพฯ 22.25 ยะลา นนทบุรี ปัตตานี ซึ่งเป็น 5 อันดับแรก ซึ่งลำดับคล้ายกับกลุ่มผู้ป่วยยืนยันสะสม โดยการรายงานอย่างนี้ทุกวันมีความสำคัญเป็นอย่างสูงหน้าที่ของทุกคนเมื่อรับรู้แล้ว ขอให้ช่วยนำไปแปลงให้เป็นการปฏิบัติ การเสียสละเพื่อชาติทำได้ง่ายมาก เพียงแค่นั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านก็ช่วยได้แล้ว
โฆษก ศบค. กล่าวถึงการรายงานผู้ป่วยรายใหม่ที่ติดเชื้ออยู่ที่กรุงเทพฯ 19 ราย ซึ่งตัวเลขค่อยๆ ลดลง ยะลา 7 ราย ภูเก็ต 5 ราย นนทบุรี 4 ราย สมุทรปราการ 4 ราย นครสวรรค์กับปราจีนบุรี เท่ากันที่ 2 ราย ฉะเชิงเทรา ชุมพร นครศรีธรรมราช นราธิวาส พะเยา สุราษฎร์ธานีและพังงา จังหวัดละ 1 ราย สำหรับสัดส่วนระหว่างกรุงเทพฯ นนทบุรี 2 จังหวัด เปรียบเทียบกับต่างจังหวัดพบว่า แผนภูมิเส้นสีฟ้าของกรุงเทพฯ และนนทบุรียังทรงตัวอยู่ แต่เส้นสีแดงก็ลดลง ขณะที่กรุงเทพฯ นนทบุรี เมื่อเทียบกับภาคใต้แล้วยังน่าเป็นห่วงอยู่ 2 ที่ กลุ่มอายุยืนยันเท่าเดิมคือ 20-39 ปี เป็นกลุ่มอายุที่เจอมากที่สุด ฉะนั้น ขอให้ครอบครัวได้เตือนลูกหลานให้อยู่บ้านเพราะเป็นกลุ่มเสี่ยง ขอให้ตระหนักอยู่เสมอว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง เป็นพาหะที่เดินได้แล้วมาแพร่ระบาดในบ้าน หากไปทำงานขอให้ป้องกันตัวเองตลอดเวลา ใส่หน้ากากอนามัย หรือใส่หน้ากากผ้าตลอดเวลา ถ้าป่วยต้องรีบหยุดงานแล้วมารักษา
โฆษก ศบค. กล่าวถึงจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสม จำแนกตามปัจจัยเสี่ยง อันดับที่ 1 คือ สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ 781 ราย อับดับที่ 2 คือ คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 260 ราย อันดับ 3 สนามมวย 238 คน แต่เมื่อดูจำนวนผู้ป่วยยืนยัน 2 สัปดาห์ล่าสุด จำแนกตามปัจจัยเสี่ยงพบว่า ลำดับเปลี่ยนไป โดยสนามมวยไปอยู่ที่อันดับ 9 เพราะติดเชื้อน้อยลง แต่คนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศขึ้นมาเป็นอันดับ 2 รองจากอันดับ 1 คือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ อับดับ 3 คืออาชีพเสี่ยง เช่น ทำงานในสถานที่แออัด โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องขอเตือน คือวัยทำงาน 20-39 ปี เพราะกลุ่มนี้ไปสถานบันเทิงด้วย และอีกกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังคือบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งมีความเสี่ยง เป็นด่านหน้าในการทำงานสู้กับไวรัส
2. สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 โลก
สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ของโลก สะสมอยู่ที่ 1,600,000 กว่าคน อาการหนักประมาณ 49,000 คน เสียชีวิต 95,731 คน ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 44 ของการติดเชื้อสะสมจำนวน 2,473 คน สำหรับการติดเชื้อในกลุ่มประเทศอาเซียนอยู่ในระดับทรงตัวมาได้สักระยะหนึ่ง หากเปรียบเทียบกับฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ ซึ่งสิงคโปร์ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เมื่อวานนี้มากกว่าประเทศไทยแล้ว ทั้งนี้ยังมีความกังวลสำหรับผู้ที่เดินทางกลับมาจากอินโดนีเซีย รวมถึงประเทศในกลุ่มอาเซียนเพราะความรุนแรงของโรคสูงมากที่ทำให้มีการเสียชีวิตของคนที่อยู่ในระดับมากมาตลอด การติดเชื้อต่อประชากรทั่วโลก พบว่าประเทศสเปนมีจำนวนผู้ติดเชื้อต่อประชากรล้านคนมากที่สุด 3,167 คนต่อล้านประชากร รองลงมาคือ อิตาลี เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส เยอรมัน อเมริกา สหราชอาณาจักร อิหร่าน ตุรกี และจีน ตามลำดับ ขณะที่ของไทยอยู่ที่อันดับ 43 ขณะที่อัตราการเสียชีวิตดับที่หนึ่งคือสเปน 316 ต่อล้านประชากร อิตาลี 292 ต่อล้านประชากร ตามด้วยเบลเยียม ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร อิหร่าน สหรัฐอเมริกา เยอรมัน ไทยอยู่ที่ 56 ทำได้ที่ 0.48 อันนี้ก็เป็นตัวเลขที่อยากจะบอกว่า ไม่ได้เป็นความเก่งของทีมแพทย์หรือเป็นความดีของหมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องชมประชาชนทุกคนด้วยที่ร่วมมือกัน และทำให้สามารถใช้เวลาดูแลต่อรายต่อเคส อย่างละเอียดได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นคนไม่ได้ป่วยเพิ่มมากขึ้น เตียง ICU มีเพียงพอเหมาะสม จะให้บุคลากรทางการแพทย์จะมีเวลาเข้าไปดูแลปรับน้ำเกลือ มีเวลาไปเจาะเลือด มีเวลาที่จะดูออกซิเจนต่างๆ และปรับตามสภาพของคนป่วยแต่ละคนแต่ละคนได้อย่างดีก็ทำให้คนป่วยรอดชีวิต แต่ถ้ามีการป่วยพร้อมกันจำนวนมากเตียง ICU ที่มีอยู่ก็ไม่เพียงพอ รวมทั้งก็จะไม่มีเวลาในการดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งการให้ข้อมูลตรงนี้ก็เพื่อให้เห็นภาพอย่างชัดเจนและขอให้ทุกคนคิดตาม และในฐานะที่เป็นประชาชนจะช่วยในสถานการณ์นี้ได้อย่างไร
3. รายงานผลการปฏิบัติการจากการประกาศเคอร์ฟิว
รายงานผลการปฏิบัติงานวันที่ 10 เม.ย. 63 พบว่า มีประชาชนที่กระทำความผิดออกนอกเคหะสถาน 1,152 ราย มีการมั่วสุมหรือรวมกลุ่มชุมนุมกัน 94 ราย ดำเนินคดีไป 1,083 ราย ตักเตือน 163 ราย รวมแล้ว 1,246 ราย พร้อมขอความร่วมมือประชาชนช่วยเตือนกันเองในบ้านหรือหมู่บ้าน วอนอย่าออกจากบ้าน ลดการชุมนุม ลดการสัญจร สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามมาตรการที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันควบคุมโรค คือ Social Distancing
4. มาตรการรายกระทรวง
กระทรวงศึกษาธิการออกมาตรการการเลื่อนการเปิดการเรียนการสอนโดยให้สถานศึกษาทุกแห่งของรัฐทุกแห่งทั้งในระบบของรัฐและเอกชนทั้งในระบบและนอกระบบที่อยู่ในสังกัด เปิดเรียนในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 พร้อมจัดให้มีการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างนี้ สำหรับโรงเรียนเอกชนประเภทนานาชาติที่มีการกำหนวันเปิด-ปิดภาคเรียนไม่ตรงกับโรงเรียนในระบบ ให้พิจารณาเปิดเรียนได้ตามความเหมาะสม
กระทรวงวัฒนธรรมออกประกาศ เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ว่า ไม่ต้องมีการชุมนุม ไม่ต้องมีประเพณีเดิม ๆ คือ ทั้งของดการรดน้ำหรือเล่นน้ำ นอกจากนี้ยังมีประกาศจากผู้ว่าราชการจังหวัด 11 จังหวัดได้แก่ 1. จังหวัดระยอง 2. จังหวัดสุพรรณบุรี 3. จังหวัดสุรินทร์ 4. จังหวัดลำพูน 5.จังหวัดสกลนคร 6. จังหวัดพิษณุโลก 7. จังหวัดบุรีรัมย์ 8. จังหวัดนครปฐม 9. จังหวัดมุกดาหาร 10. จังหวัดสมุทรสงคราม และ 11. จังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว สำหรับกรุงเทพมหานครได้มีการสั่งห้ามจำหน่ายสุราในทุก ๆ สถานประกอบการที่มีใบอนุญาต ตั้งแต่วันที่ 10 – 20 เม.ย.นี้ เป็นเวลา 10 วัน
กรณีการเดินทางข้ามจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด จำนวน 15 จังหวัด ได้มีคำสั่งประกาศระงับการเดินทางเข้าออกในเขตพื้นที่จังหวัด ต่อไปนี้ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ภูเก็ต สตูล ตราด น่าน ยะลา พัทลุง สงขลา บึงกาฬ ระนอง ร้อยเอ็ด ตรัง มุกดาหาร และนครพนม ซึ่งได้มีการระงับการเข้าออกที่เหลื่อมเวลากันไป ในส่วนจังหวัดชลบุรี มีการสั่งปิดเฉพาะพื้นที่เมืองพัทยาเท่านั้น ซึ่งได้ประกาศปิดตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนเป็นต้นไป
5. การดูแลคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ
มาตรการการดูแลคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ มีผู้เดินทางที่ได้ทำการขออนุญาตไว้ก่อนแล้วในวันนี้ (7 เมษายน) จากประเทศเนเธอร์แลนด์จำนวน 15 คน เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 9.30 น.และจากประเทศสิงคโปร์จำนวน 18 คน จะเดินทางมาถึงในเวลา 17.25 น. รวมทั้งสิ้น 33 คน ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องเดินทางไป State Quarantine ในลำดับต่อไป สำหรับวันพรุ่งนี้ (11 เมษายน) มีผู้ที่เดินทางที่ขออนุญาตไว้แล้วเดินทางกลับจากรัสเซียจำนวน 35 คน และที่ติดค้างจากการ Transit ในประเทศญี่ปุ่นอีก 1 คน โดยกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหมได้ทำงานกันอย่างหนักเพื่อหาพื้นที่ State Quarantine และ Local Quarantine เพิ่มเติม เพื่อรองรับจำนวนผู้เดินทางที่อาจเพิ่มมากขึ้น
กรณีนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS ในสหรัฐอเมริกาจำนวน 152 คน ที่ยังไม่มีเที่ยวบินกลับประเทศนั้น สถานเอกอัครราชทูตกำลังดำเนินการประสานงานกับฝ่ายมั่นคงของทางการสหรัฐอเมริกา เพื่อนำเครื่องบินมารับทหารของตนเองกลับเพื่อให้เด็กนักเรียน AFS เดินทางกลับประเทศไทย
ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/28792