กระทรวงคมนาคม ขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกำหนดมาตรการทำงานที่บ้าน

กระทรวงคมนาคม ขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกำหนดมาตรการทำงานที่บ้าน

             กระทรวงคมนาคม ขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และขอให้กำหนดมาตรการทำงานที่บ้าน หรือเดินทางเท่าที่จำเป็น เพื่อลดความแออัดในการเดินทางระบบขนส่งสาธารณะ



             นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 โดยมีมาตรการที่เข้มงวดขอให้ประชาชนอยู่ในเคหะสถาน เดินทางเท่าที่จำเป็น และเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ตลอดจนการสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ และกระทรวงคมนาคม ได้กำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องตามนโยบายดังกล่าว เช่น การคัดกรองผู้โดยสารก่อนเข้าใช้บริการในระบบขนส่งสาธารณะ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดระยะเวลาการเดินทาง รวมถึงการจัดเจลแอลกอฮอล์เพื่อบริการประชาชน เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดฆ่าเชื้อภายในสถานีและยานพาหนะ ที่สำคัญคือการกำหนดที่นั่ง ที่ยืน การเข้าแถวคอยรับบริการ ตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ ผู้บริการ และประชาชน จนเป็นผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างมากในขณะนี้

             นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ จึงขอความร่วมมือหน่วยงานทุกภาคส่วนปฏิบัติงานที่บ้าน (Work from Home) เพิ่มมากขึ้น และกำหนดให้มีการสลับหรือเหลื่อมเวลาการทำงาน และเดินทางเท่าที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องตามการขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่ให้บริการขนส่งสาธารณะทั้งทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ จัดเจ้าหน้าที่บริหารจัดการปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ภายในอาคารสถานี ชานชาลา และภายในยานพาหนะอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการกลับมาระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรงภายในประเทศอีก

             ทั้งนี้ที่ผ่านมาภาพรวมของปริมาณผู้โดยสารที่ใช้ระบบขนส่งสาธารณะทุกระบบตั้งแต่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่มีนาคมจนถึงปัจจุบัน มีสัดส่วนที่ลดลงประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาด ทำให้สามารถดำเนินมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ได้ โดยการเว้นที่นั่งและที่ยืนในการโดยสาร 1-2 เมตร อย่างไรก็ดี เมื่อมีการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจทำให้มีการเดินทางเพิ่มสูงขึ้น อาจเป็นปัญหาในการจัดการให้บริการให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของผู้โดยสารในบางระบบการเดินทาง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการปฏิบัติมาตรการเพิ่มเติม เพื่อช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค เช่น การสลับหรือเหลื่อมเวลาทำงาน การ Work From Home ควบคู่กับความร่วมมือร่วมใจของประชาชนผู้เดินทางในการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่างทางสังคม วางแผนและเผื่อเวลาในการเดินทาง เพื่อให้สามารถกระจายความหนาแน่นแออัดในการเดินทางช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าและเย็น เพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ได้โดยเร็วที่สุด

 


 

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/30391