ศบค.ชี้แจงเตรียมความพร้อมผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 2 เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว

ศบค.ชี้แจงเตรียมความพร้อมผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 2 เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว

          ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  ชี้แจงเตรียมความพร้อมผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 2 เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว ย้ำต้องติดตามเฝ้าระวัง 6 กลุ่มเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้กรณีการทดลองเปิดให้บริการห้างสรรพสินค้าวันที่ 14 – 15 พฤษภาคม นี้ โดยการใช้วิธีการ Sandbox เป็นเพียงการออกแบบวิธีการที่ใช้ทดลองเท่านั้น

 



          วันนี้ (10 พ.ค. 63) เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ตอบคำถามสื่อมวลชนผ่านโซเซียลมีเดียช่วงการแถลงข่าวของศูนย์ข่าวโควิด-19 และสรุปสาระสำคัญ ดังนี้


          โฆษก ศบค. ชี้แจงถึงการผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 2 กรณีการเปิดบริการห้างสรรพสินค้า แต่ยังต้องมีการประชุมหารือในที่ประชุม ศบค. เรื่องการเปิดโรงมหรสพ เช่น โรงภาพยนตร์ เนื่องจากยังมีหลายกิจการ/กิจกรรม ยังไม่ถูกกำหนดว่าอยู่ในระยะที่ 2 ระยะที่ 3 หรือ ระยะที่ 4 ซึ่งจะเป็นการจัดเรียงตามความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 2 เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว


          โฆษก ศบค. เผยถึงกรณีการทดลองเปิดให้บริการห้างสรรพสินค้าวันที่ 14 – 15 พฤษภาคม นี้ โดยการใช้วิธีการ Sandbox เป็นเพียงการออกแบบวิธีการที่ใช้ทดลองเท่านั้น ซึ่งหากทุกห้างสรรพสินค้าไม่สามารถทำได้ก็จะมีเพียงบางห้างสรรพสินค้าที่จะทดลองการให้บริการก่อน หรืออีกรูปแบบที่มีการหารือ เนื่องจากในตอนนี้มีหลายห้างสรรพสินค้าที่เปิดให้บริการ แต่อาจมีการให้บริการเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ ก็อาจมีการขยายการให้บริการเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ หรือ 50 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ต้องรอมติจากที่ประชุม ศบค. ในวันที่ 15 พฤษภาคม 63 เพื่อพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ โฆษก ศบค. ยังแนะนำประชาชนที่ต้องการแสดงความคิดเห็น ด้วยวิธีการกรอกแบบสอบถามความพึงพอใจต่อการใช้ พรก. ฉุกเฉินฯ และมาตรการที่เกี่ยวข้อง โดยประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการเปิดให้บริการบางกิจการ/กิจกรรม ได้ เพราะในแต่ละมาตรการมี 3 ส่วนที่สำคัญ คือ ผู้ประกอบกิจการ/กิจกรรม ผู้ใช้บริการกิจการ/กิจกรรม และผู้กำกับดูแล เพื่อที่มาตรการผ่อนปรนในระยะต่าง ๆ ประสบความสำเร็จ


          โฆษก ศบค. ย้ำว่าเรื่องการเปิดให้บริการ กิจการ/กิจกรรม ต่าง ๆ มีความจำเป็นต่อวิถีชีวิตและเศรษฐกิจ แต่ต้องไม่ละเลยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ได้ให้ความสำคัญกับทุกเรื่อง และจะต้องช่วยกันไม่ให้จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มมากขึ้น


          โฆษก ศบค. กล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดภูเก็ตยังคงเป็นจังหวัดที่ต้องจับตามองอยู่ตลอด จากการรายงานอย่างไม่เป็นทางการพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ประกอบกับในช่วงเวลาของมาตรการผ่อนปรนที่มีการเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ตอยู่เป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพแรงงาน ซึ่งจากการเดินทางของประชาชนในแต่ละจังหวัดอย่างต่อเนื่องทำให้ไม่สามารถจำกัดการดูแลเฉพาะพื้นที่ได้ ขณะเดียวกันได้มีการกำหนดกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยแบ่งเป็น 6 กลุ่ม คือ 1. บุคลากรทางการแพทย์ 2. ผู้ต้องขังแรกรับ หรือผู้ต้องกัก 3. คนขับรถสาธารณะ 4. พนักงานไปรษณีย์ หรือพนักงานส่งของ 5. แรงงานต่างด้าว และ 6. กลุ่มอาชีพเสี่ยง เช่น สถานบันเทิง โดยกลุ่มดังกล่าวนี้จะต้องดำเนินการติดตามอย่างใกล้ชิด

 

          โฆษก ศบค. กล่าวเพิ่มเติมถึงการติดตามบุคคลที่เดินทางออกจากพื้นที่เสี่ยง ที่ขณะนี้ในต่างประเทศได้มีการติดตามเฝ้าระวังด้วยการติดตั้งแอปพลิเคชัน ซึ่งถ้าเราจะเข้าสู่มาตรการที่ 2 หลักการดังกล่าวจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน เมื่อภาครัฐมีการออกแอปพลิชันเพื่อช่วยในการติดตามสถานการณ์ จึงขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันลงทะเบียน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้สังคมของเรามีความแน่นแฟ้น อีกทั้งเพื่อให้การรักษาเป็นไปได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ โฆษก ศบค. ยังกล่าวถึงการตั้งตู้ปันสุขที่เกิดขึ้นในพื้นที่หลายจังหวัด เพื่อแบ่งปันอาหารให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวที่แสดงให้เห็นถึงความสมัครสมานสามัคคีกันของคนไทย

 


 

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/30610