นายกรัฐมนตรี ยืนยันจังหวัดระยองมีความปลอดภัยจากโควิด 100%

นายกรัฐมนตรี ยืนยันจังหวัดระยองมีความปลอดภัยจากโควิด 100%

         นายกรัฐมนตรี ยืนยันจังหวัดระยองมีความปลอดภัยจากโควิด 100% วอนคนไทยขับเคลื่อนประเทศชาติไปด้วยกัน “รวมใจ ไทยสร้างชาติ”



         วันนี้ (25 ส.ค.63) เวลา 13.30 น. ณ โรงแรมสตาร์ คอนเวนชั่น จ.ระยอง  ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2563 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรกที่จังหวัดระยอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน และจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศอีกแห่งหนึ่งว่ามีความปลอดภัยมี 100%  เพราะทุกคนให้ความร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างเหมาะสมทั้งเรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้า รวมถึง Social Distancing   ทั้งนี้หลายเรื่องที่พบว่ามีปัญหาก็ต้องเร่งแก้ไขขจัดให้ได้โดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การหาแนวทางให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นโดยเร็วหรือให้ใกล้เคียงกับในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้จังหวัดระยองก็มีความคึกคักมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพทางด้านสาธารณสุขจนเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศจึงขอให้ประชาชนทุกคนเชื่อมั่นในเรื่องนี้ และช่วยกันขับเคลื่อนประเทศชาติไปด้วยกันทั้งเศรษฐกิจ และสุขภาพ “รวมใจไทยสร้างชาติ”    
 
         นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก  (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง) ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือร่วมกับทุกภาคส่วนและพิจารณาหลายเรื่องโดยเฉพาะ เรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ ซึ่งกลุ่มจังหวัดฯ ได้ขอสนับสนุนงบประมาณ 4 ด้านสำคัญ คือ

ด้านที่ 1 การท่องเที่ยว การเกษตร ได้แก่

1) การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ/เชิงสร้างสรรค์จำนวน 2 โครงการ

(1) โครงการป่าชายเลนในเมืองจังหวัดระยอง ป่าชายเลน พระเจดีย์ กลางน้ำอัญมณีหนึ่งเดียวในระยอง (ระยะที่ 2) 

(2) โครงการปรับปรุงและฟื้นฟูเมืองเก่าระยอง 

2) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว จำนวน 3 โครงการ ได้แก่

(1) โครงการก่อสร้างถนนเฉลิมบูรพาชลทิศ ระยะที่ 2 ถนนเลียบชายฝั่ง ทะเล (ถนนท่องเที่ยว)

(2) โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดง ตามพระราชดำริจังหวัดระยอง (ระยะที่ 3) 

(3) โครงการจ้างศึกษาออกแบบเพื่อพัฒนาพื้นที่ศูนย์บริการ ท่าเทียบเรือ ท่าหน้าบ้าน ลานอเนกประสงค์ริมทะเล วัดใหม่สำราญ และจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมเขื่อนกันคลื่น บริเวณท่าเทียบเรือท่าหน้าบ้าน เกาะล้าน เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี และด้านการเกษตร จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร กิจกรรมก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ อำเภอเขาชะเมา จังหวัดระยอง

 
ด้านที่ 2 การบริหารจัดการน้ำทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 10 โครงการ เช่น

โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเขาจอมแห – เขานั่งยอง ตำบลมะขามคู่ อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง 

โครงการเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่

โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ฐานทัพเรือสัตหีบบ้านพลูตาหลวง ตำบลพลูตาหลวง

โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำหนองกระทิง

โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองกะพง

โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในคลองท่าลาด ฯลฯ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 2 โครงการ ได้แก่

โครงการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรและอุปกรณ์ ในระบบบำบัดน้ำเสียพื้นที่พัทยานาเกลือ

โครงการเพิ่มประสิทธิภาพสถานีสูบป้องกันน้ำท่วม ถนนสุขุมวิท และถนนเลียบทางรถไฟ


ด้านที่ 3 การพัฒนาคุณภาพชีวิต จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ 

โครงการยกระดับระบบบริการสุขภาพรองรับโรคอุบัติใหม่ในพื้นที่กลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออก 1 และพื้นที่ใกล้เคียง

โครงการยกระดับคุณภาพชีวิตภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

โครงการก่อสร้างโรงเรียนนานาชาติตากสินแกลง (ระดับประถมศึกษา) โรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง

โครงการก่อสร้างศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ จังหวัดระยองในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง


ด้านที่ 4 โครงสร้างพื้นฐาน จำนวน 12 โครงการ ซึ่งหลายโครงการอยู่ในแผนงานโครงการที่ต้องดำเนินการในปี 2564/65 อยู่แล้ว แต่ก็มีหลายโครงการต้องปรับแผนงานโครงการและงบประมาณให้เหมาะสมตามลำดับความเร่งด่วน ให้สอดคล้องกับการดำเนินโครงการของ EEC รวมทั้งมีการวางแผนดำเนินการไว้รองรับสำหรับอนาคตด้วย
 


         นายกรัฐมนตรี ย้ำทุกอย่างต้องทยอยดำเนินการทีละขั้นตอนให้สอดคล้องกับสถานการณ์และงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด เชื่อมั่นว่าหากสถานการณ์ข้างหน้าอย่างคลี่คลายก็จะสามารถทำได้ทั้งหมดตามแผนที่วางไว้
 
         โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รู้สึกดีใจได้พบปะกับนักเรียนและศึกษา ซึ่งข้อเสนอก็สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาล เช่น อาชีพ รายได้ สิ่งแวดล้อม การปรับปรุงระบบการศึกษา การพัฒนาหลักสูตร การลดเวลาเรียนและเพิ่มกิจกรรมเรียนรู้ต่าง ๆ ฯลฯ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าระบบการศึกษาไทยไม่ได้เลวร้าย เพราะยังมีโอกาสที่จะพัฒนาต่อไปได้ และคนไทยเป็นคนเก่ง ขณะนี้หลายเรื่องรัฐบาลดำเนินการอยู่แล้ว ผ่านกลไกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยเฉพาะต้องสร้างคนเตรียมการไว้สำหรับในอนาคต รวมถึงการเตรียมความพร้อมในเรื่องของการสร้างพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ เช่น โครงการ EEC SEC ซึ่งเป็นการดำเนินการสืบสานรักษาต่อยอดระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่า  ยืนยันรัฐบาลรับฟังเสียงสะท้อนของนักเรียนและสังคม ทั้งโดยตรง และผ่านโซเชียลมีเดีย ทั้งเรื่องของเกษตรกร การบริหารจัดการน้ำ ภัยแล้งและน้ำท่วม ความขัดแย้ง การต่างประเทศ และการค้าการลงทุน เป็นต้น
 
         ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ได้ฝากถึงการดำเนินการทุกอย่างจะสำเร็จได้ทุกคนต้องร่วมมือกันโดยเฉพาะการทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ลำพังเพียงนายกรัฐมนตรีฝ่ายเดียวคงไม่สามารถทำได้ ยืนยันรัฐบาลใช้กฎหมายด้วยความระมัดระวังที่สุดและไม่เคยใช้อำนาจในทางที่ไม่ถูกต้อง จึงฝากทุกคนและสื่อต่าง ๆ ซึ่งมีบทบาทอย่างมากในสังคมปัจจุบันช่วยกันทำให้บ้านเมืองและสังคมเกิดความสงบสุข และสร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น

 


 

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/34543