ศบค.เตรียมพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ หลังผู้ติดเชื้อเริ่มลดลง

ศบค.เตรียมพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ หลังผู้ติดเชื้อเริ่มลดลง

            ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) เตรียมพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ หลังผู้ติดเชื้อเริ่มลดลง โดยจังหวัดที่เป็นพื้นที่สีเขียวจะสามารถเปิดเรียนได้



            พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) หรือ ศบค. รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด -19 วันนี้ เพิ่มขึ้น 756 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 16,221 ราย หายป่วยแล้ว 11,287 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 4,621 ราย ผู้เสียชีวิตสะสมรวม 76 คน ผู้ป่วยยืนยันสะสมรอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2563 – 22 มกราคม 2564 จำนวน 11,984 ราย โดยผู้ติดเชื้อเพิ่ม 757 ราย ติดเชื้อในประเทศ 746 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและบริการ 22 ราย ,จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 724 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 10 ราย โดยเข้ารักษาตัวใน state quarantine เดินทางกลับจากการ์ต้า 1 ราย ,สหรัฐอเมริกา 5 ราย ,อินโดนีเซีย 1 ราย ,โปรตุเกส 1 ราย ,รัสเซีย 1 ราย

            พญ. อภิสมัย กล่าวว่า หลายจังหวัดตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มลดลงแล้ว โดยในส่วนการติดเชื้อในกรุงเทพฯ จากกรณีดีเจมะตูม จากรายงานการสอบสวนโรค พบผู้ติดเชื้อเชื่อมโยง 26 ราย ไม่นับรวมผู้สัมผัสส่วนสูงและเสี่ยงต่ำอีก 166 ราย ซึ่งจากการสอบสวนโรคผู้ที่มีความเสี่ยงสูงและเสียงต่ำ พบว่ามีการเชื่อมโยงในการเดินทางไปในหลายพื้นที่ ทั้งร้านอาหาร และโรงแรม โดยกรมควบคุมโรคติดต่อ มีความกังวล เนื่องจากแต่ละคนให้ข้อมูลไม่ตรงกัน บางรายมีการปกปิดข้อมูล ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดออกไป โดยการควบคุมป้องกันอาจล่าช้าไม่ทันการ ดังนั้นกรมควบคุมโรคจึงได้ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักอนามัยกรุงเทพมหานครแล้ว โดยเห็นว่าพฤติกรรมเหล่านี้เข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องหรือไม่ มีความผิดฐานขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตามมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท รวมถึงอาจมีความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่น หรือประชาชนได้รับความเสียหายตามมาตรา 137 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ขณะที่สถานที่ที่ใช้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนการห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค และไม่จัดให้มีมาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการตำรวจด้วย รวมทั้งบุคคลที่ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ก็อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนการห้ามทำกิจกรรม หรือมั่วสุมในสถานที่แออัดซึ่งเป็นมาตรการตามข้อกำหนดตามมาตรา 9 แห่ง พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

            ผู้ติดเชื้ออาจถูกสังคมลงโทษไปแล้ว แต่อยากให้สังคมติดตามข่าวโดยไม่ใช้อารมณ์ตัดสิน และอยากให้เรียนรู้จากกรณีนี้แล้วนำไปสู่การป้องกันตัวเอง สำหรับการใช้ชีวิตในชุมชนเมือง จึงอยากให้ทุกคนร่วมมือกัน เพื่อหามาตรการที่จะร่วมมือกันต่อไป

            นอกจากนี้ ยังมีกรณีผู้ติดเชื้อที่เดินทางไปที่ไอคอนสยาม มีผู้เสี่ยง 12 ราย ขณะนี้มีรายงานการติดเชื้อแล้ว 7 ราย ซึ่งเป็นการรวมตัวสังสรรค์ในร้านอาหาร โดยกรมควบคุมโรค ระบุว่า เฉพาะกรณีไอคอนสยาม มีผู้สัมผัสแสงสูงจำเป็นต้องสอบสวนเฝ้าระวังมากกว่า 200 ราย

            พญ.อภิสมัย กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ ศบค. จะมีการพิจารณามาตรการผ่อนคลายสถานบริการต่างๆ โรงเรียน ตลาด ชุมชน โดย ศบค. ยอมรับว่า หนักใจ โดยเฉพาะโรงเรียนหากเปิดจะมีมาตรการป้องกันการติดเชื้อได้หรือไม่ โดยจะใช้หลักฐานที่เป็นข้อมูลด้านการระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข อย่างละเอียด มาประกอบการพิจารณา โดยจะแบ่งตามจำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้ป่วยที่รายงานในแต่ละจังหวัด เป็นรายอำเภอ และตำบล โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะแบ่งเป็นพื้นที่สีเขียว สีเหลือง สีส้ม สีแดงและแดงเลือดหมู ศบค. จะมีการออกมาตรการใหญ่ เป็นมาตรการที่เป็รหลักการเท่านั้น และให้แต่ละจังหวัด ที่จะมี ศบค. จังหวัด ประชุมเพื่อออกมาตรการเฉพาะพื้นที่นั้นๆ

 


 

ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG210128130108110