การท่าเรือแห่งประเทศไทย ชี้แจงกรณีสื่อออนไลน์เผยแพร่ข่าวการจับกุมเครื่องชั่งที่ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ไม่ได้มาตรฐาน รวมทั้งไม่เป็นไปตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้เครื่องตวงวัดที่ติดตรึง ซึ่งมีพิกัดกำลังตั้งแต่ 30 เมตริกตันขึ้นไป และมีส่วนชั่งน้ำหนักเป็นระบบดิจิทัล (เครื่องชั่งรถยนต์) โดยสำนักงานชั่งตวงวัด กระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งระงับใช้ จำนวน 4 เครื่อง
พลเรือเอก โสภณ วัฒนมงคล ประธานกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย นายชนินทร์ แก่นหิรัญ กรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ร้อยตำรวจตรี มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมด้วยผู้บริหารท่าเรือแหลมฉบัง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง และเจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัดจากกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเครื่องชั่งของ ทลฉ. บริเวณประตูตรวจสอบ 3 ช่องทาง 3F และ 3H เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2564 โดยนำรถบรรทุกสิบล้อติดตั้งเครนพร้อมตุ้มน้ำหนักของศูนย์ชั่งตวงวัดชลบุรี หมายเลขทะเบียน 82-8521 นนทบุรี ซึ่งเป็นรถคันเดียวกับการสอบเทียบเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 ไปทำการทดสอบ สรุปผลดังนี้
1. การตรวจสอบเครื่องชั่ง ช่องทาง 3F เจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัดได้นำรถบรรทุกสิบล้อติดตั้งเครนพร้อมตุ้มน้ำหนัก 23,030 กิโลกรัม ขึ้นชั่งบนแท่นชั่ง ซึ่งแสดงน้ำหนัก 23,030 กิโลกรัม ตรงกับน้ำหนักที่ปรากฏในจอของระบบเครื่องชั่ง และเปรียบเทียบกับการใช้เฉพาะตุ้มน้ำหนัก ตุ้มละ 500 กิโลกรัม จำนวน 20 ตุ้ม รวม 10,000 กิโลกรัม วางบนแท่นชั่งของ ทลฉ. ซึ่งแสดงน้ำหนัก 10,000 กิโลกรัม ตรงกับน้ำหนักที่ปรากฏในจอของระบบเครื่องชั่งเช่นกัน
ทั้งนี้ รถบรรทุกสิบล้อติดตั้งเครนไม่ได้กำหนดอยู่ในตารางรายการน้ำหนักหักลบในระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมยานพาหนะผ่านท่าของ ทลฉ. ที่ได้รับความเห็นชอบให้ใช้จากศูนย์ชั่งตวงวัดชลบุรี เมื่อปี 2547 โดยระบบฯ จะกำหนดน้ำหนักมาตรฐานของรถบรรทุกสิบล้อที่ใช้บรรทุกตู้สินค้าไว้ที่ 8,000 กิโลกรัม ซึ่งไม่ตรงกับน้ำหนักของรถบรรทุกสิบล้อติดตั้งเครนที่มีน้ำหนัก 13,030 กิโลกรัม น้ำหนักเฉพาะตัวรถบรรทุกสิบล้อทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันจากการติดตั้งเครนและอุปกรณ์ประกอบ จึงส่งผลให้น้ำหนักมีความคลาดเคลื่อนจากรถบรรทุกที่อยู่ในระบบจัดเก็บของ กทท. ประมาณ 5,000 กิโลกรัม ซึ่งเจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัดได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว โดยเมื่อเปรียบเทียบกับรถบรรทุกมาตรฐานของบริษัทผู้ผลิตจะมีน้ำหนัก 7,050 กิโลกรัมเท่านั้น
2. การตรวจสอบเครื่องชั่ง ช่องทาง 3H เจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัดได้นำรถบรรทุกสิบล้อติดตั้งเครนพร้อมตุ้มน้ำหนัก 23,030 กิโลกรัม ซึ่งชั่งไว้เดิมในช่องทาง 3F ปรากฏว่า น้ำหนักที่แสดงผลคลาดเคลื่อนไปจากเดิม เป็น 27,000 กิโลกรัม ในส่วนของรถบรรทุกสิบล้อปกติที่มีน้ำหนัก 7,690 กิโลกรัม น้ำหนักที่แสดงคลาดเคลื่อน ไปเป็น 8,970 กิโลกรัม ซึ่งบริษัท เอ๊กซิเจน จำกัด ผู้รับจ้างบำรุงรักษา ซ่อมแซม แก้ไข และตรวจสอบเครื่องชั่งของ ทลฉ. ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ใต้แท่นชั่งดังกล่าวพบว่า มีน้ำท่วมขังจากฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ประธานกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้สั่งการให้บริษัทฯ เร่งสูบน้ำที่ท่วมขังออกโดยเร็ว ซึ่งบริษัทฯ ได้เร่งสูบน้ำออกและตรวจสอบพบว่า เครื่องชั่งดังกล่าวติดตั้งโหลดเซลล์ครบถ้วนตามจำนวน (6 ตัว) สภาพอุปกรณ์อื่น ๆ ครบถ้วน และติดตั้งตรงตามตำแหน่งที่ติดตั้งไว้เมื่อปี 2547
ร้อยตำรวจตรี มนตรี ฤกษ์จำเนียร กล่าวว่า เครื่องชั่งทั้ง 4 เครื่อง ที่ถูกระงับใช้โดยสำนักงานชั่งตวงวัด เป็นเครื่องชั่งที่ใช้ชั่งสินค้าขาออกนอกประเทศ เป็นไปตามภาค 3 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ซึ่งจะไม่สามารถแก้ไขน้ำหนักรวมของรถบรรทุก วัน เวลา และสถานที่ที่ทำการชั่งที่ได้รับจากเครื่องชั่ง (Gross Weight) ได้ โดยน้ำหนักรวมที่ได้รับจากเครื่องชั่งดังกล่าว เมื่อประมวลเข้ากับระบบหักลบน้ำหนักตัวรถตามประเภทรถ (Vehicle Type) ที่ได้รับคำรับรองให้ใช้จากศูนย์ชั่งตวงวัดชลบุรี เมื่อปี 2547 เพื่อให้ได้ข้อมูลเฉพาะส่วนน้ำหนักสินค้าตามที่กรมศุลกากรต้องการ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงข้อมูลประกอบส่วนหนึ่งเท่านั้นที่กรมศุลกากรจะนำไปใช้ในการประมวลผลผ่านระบบ NSW เพื่อประโยชน์ในการตัดบัญชีใบกำกับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Matching) ผ่านระบบ NSW ซึ่งกระบวนการนี้เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการสอบทานภายใต้การบังคับใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยของท่าเรือตามข้อกำหนดของ IMO (International Marine Organization) ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนประเภทรถดังกล่าว มิได้มีผลกระทบต่อจำนวนภาษีที่ผู้ส่งออกได้ชำระไว้ก่อนหน้า (หากมี) กับกรมศุลกากรแต่อย่างใด กรณีนี้จึงไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น ประกอบกับ ทลฉ. ไม่ได้ใช้ และ/หรือ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ข้อมูลน้ำหนักที่ชั่งได้จากเครื่องชั่ง ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนในการนำไปคิดคำนวณภาษี ค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการใด ๆ โดย ทลฉ. มีเพียงการเรียกเก็บค่าบริการอำนวยความสะดวกจากรถขนส่งสินค้าทุกคันที่วิ่งผ่าน ทลฉ. ในอัตราคงที่และไม่ได้แปรผันตามข้อมูลน้ำหนักที่ชั่งได้ ผลการชั่งน้ำหนักที่แตกต่างหรือเบี่ยงเบนไปจากค่ามาตรฐานไม่ว่าจะมากหรือน้อยเพียงใด ไม่มีผลกระทบต่อผลประโยชน์หรือส่วนได้เสียที่ ทลฉ. จะได้รับแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้ ทลฉ. และพนักงานจึงไม่มีเหตุผลหรือแรงจูงใจไม่ว่าทางใด ๆ ที่จะกลั่นแกล้ง และ/หรือจงใจที่จะต้องทำให้น้ำหนักของเครื่องชั่งแตกต่างหรือคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง หรือเรียกรับผลประโยชน์ตามที่ปรากฏเป็นข่าว
ทั้งนี้ หากผลการเปรียบเทียบดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนกว่าที่ระบบศุลกากรยอมรับได้ ระบบจะสั่งให้ไปเอ็กซเรย์ (X-ray) ซึ่งผู้ขับรถบรรทุกจะต้องนำตู้สินค้าดังกล่าวไปเอ็กซเรย์ ก่อนที่จะนำไปส่งให้ท่าเทียบเรือปลายทางนำขึ้นเรือต่อไป หากตู้สินค้าดังกล่าวไม่ได้เอ็กซเรย์จะถูกท่าเทียบเรือปลายทางปฏิเสธการขนถ่ายขึ้นเรือ ซึ่งระบบดังกล่าวมีการสอบทานหลายขั้นตอน หากระบบของศุลกากรแสดงว่าตู้สินค้าดังกล่าวมีความถูกต้องก็จะสั่งให้ผ่านไปขนถ่าย ณ ท่าเรือต่อไปได้
กทท. ได้จัดสรรงบประมาณ เพื่อดำเนินการซ่อมทำเครื่องชั่งที่ชำรุดมาโดยตลอด โดยในปีงบประมาณ 2564 ได้รับจัดสรร จำนวน 1,100,000 บาท เพื่อซ่อมทำเครื่องชั่งที่ชำรุด จำนวน 1 ประตู ขณะนี้อยู่ระหว่างสรรหาตัวผู้รับจ้าง และ ทลฉ. ได้ขออนุมัติหลักการเพื่อจัดสรรงบลงทุนการจัดหาทดแทนเครื่องชั่งแบบ Static จำนวน 7 เครื่อง ซึ่งอยู่ระหว่างนำเสนอให้คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทยและสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณา
ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/40392
