ข่าวสารกิจกรรม, ข่าวไวรัสโควิด-19
สำนักงานประกันสังคม เตรียมความพร้อมในการจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยช่วงโควิดระบาด
สำนักงานประกันสังคม เตรียมความพร้อมในการจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย เพื่อช่วยเหลือลูกจ้าง – นายจ้าง ที่ได้รับผลกระทบจากหยุดกิจการชั่วคราวช่วงโควิดระบาดระลอกใหม่
นางสาวลัดดา แซ่ลี้ ผู้อำนวยการสำนักสิทธิประโยชน์ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในปัจจุบันมีสถานประกอบกิจการหลายประเภทได้รับผลกระทบต้องปิดหรือหยุดประกอบการส่งผลต่อลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนต้องหยุดงานชั่วคราวและไม่มีรายได้ สำนักงานประกันสังคมมีความพร้อมในการจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย ผู้ที่จะได้รับสิทธิดังกล่าว ต้องเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ส่งเงินสมทบครบ 6 เดือนใน 15 เดือน โดยลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนไม่ได้ทำงานหรือนายจ้างไม่ให้ทำงานเนื่องจากต้องกักตัวเฝ้าระวังการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 หรือกรณีหน่วยงานภาครัฐมีคำสั่งให้นายจ้างหยุดประกอบกิจการเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตราย โดยการหยุดงานดังกล่าวลูกจ้างไม่ได้รับค่าจ้าง ซึ่งลูกจ้างมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน ระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน พร้อมขอย้ำว่า ลูกจ้างผู้ประกันตนไม่ต้องขึ้นทะเบียนว่างงานกับสำนักงานจัดหางานให้ยื่นเฉพาะคำร้องขอรับประโยชน์ทดแทน ในส่วนของนายจ้างก็ไม่ต้องแจ้งลาออกหรือเลิกจ้าง แต่ให้ส่งหนังสือรับรองว่าลูกจ้างไม่ได้ทำงานกี่วัน
รองโฆษกสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึงขั้นตอนการขอรับเงินว่า ลูกจ้างต้องดำเนินการยื่นขอรับประโยชน์ทดแทน โดยดาวน์โหลดแบบฟอร์ม สปส.2-01/7 บน www.sso.go.th กรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม เน้นย้ำเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้และแนบสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ของลูกจ้าง แล้วนำส่งให้นายจ้างรวบรวมแบบฯ เพื่อบันทึกข้อมูลลูกจ้างและหนังสือรับรองการหยุดงานกรณีราชการสั่งปิดหรือกรณีกักตัว เมื่อนายจ้างบันทึกข้อมูลลูกจ้างเสร็จสิ้นให้นำส่งแบบฯ และหนังสือรับรอง ส่งไปยังสำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ทางไปรษณีย์ (ลงทะเบียน) ภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันที่บันทึกข้อมูล ทั้งนี้ขอย้ำทั้งลูกจ้างและนายจ้างไม่ต้องเดินทางมาติดต่อที่สำนักงานประกันสังคม สามารถดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ดังกล่าว
หากมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่
- สายด่วน 1506 กด 1 ตลอด 24 ชั่วโมง
ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG210427120840151
