กระทรวงสาธารณสุข ใช้ Factory Quarantine ช่วยควบคุมโควิดในเรือนจำ พร้อมดูแลหากมีผู้ป่วยสีแดง

กระทรวงสาธารณสุข ใช้ Factory Quarantine ช่วยควบคุมโควิดในเรือนจำ พร้อมดูแลหากมีผู้ป่วยสีแดง

         รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบกรมควบคุมโรคใช้ Factory Quarantine ควบคุมโรคโควิดในเรือนจำ มั่นใจควบคุมได้ ไม่แพร่เชื้อสู่ภายนอก พร้อมรับส่งต่อผู้ป่วยอาการหนักสีแดง



         รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบกรมควบคุมโรคใช้ Factory Quarantine ควบคุมโรคโควิดในเรือนจำ มั่นใจควบคุมได้ ไม่แพร่เชื้อสู่ภายนอก พร้อมรับส่งต่อผู้ป่วยอาการหนักสีแดง ส่วนการเดินมารับวัคซีนโควิด เป็นนโยบายนายกรัฐมนตรี กระทรวงสาธารณสุขพร้อมสนับสนุนเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน

         วันที่ (13 พฤษภาคม 2564) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการติดเชื้อในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง 2,835 ราย ว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ แต่พื้นที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ปิด จึงมั่นใจว่าสามารถดูแลควบคุมโรคได้ ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ประสานงานไปยังกรมราชทัณฑ์ จะใช้แนวทางควบคุมโรคเช่นเดียวกับกรณีสมุทรสาคร คือ Factory Quarantine ให้ผู้ที่ติดเชื้อทั้งหมดอยู่ในสถานที่มิดชิด ไม่มีโอกาสแพร่เชื้อสู่ภายนอก รวมถึงคัดแยกระดับอาการผู้ป่วย ให้ยาตามสีของระดับอาการ โดยกลุ่มที่ไม่มีอาการรักษาประมาณ 14 วัน กลุ่มที่มีอาการปานกลางจะมีโรงพยาบาลราชทัณฑ์ดูแล ซึ่งมีการเตรียมพร้อมตั้งแต่ปี 2563 และหากมีอาการหนักสีเหลืองเข้มหรือแดง ทางกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้รับช่วงนำผู้ต้องขังมารับการรักษาตามสิทธิที่มี

         นายอนุทินกล่าวต่อว่า สำหรับการเดินเข้ามารับวัคซีนโควิด 19 เป็นนโยบายที่เห็นพ้องต้องกันระหว่างนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ซึ่งได้มอบนโยบายแก่กรมควบคุมโรคและนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแล้ว ส่วนกรุงเทพมหานคร เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้กำกับดูแลโดยตรง แต่มีนายกรัฐมนตรีเข้าดูแลในฐานะผู้อำนวยการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โรคโควิด 19 ในพื้นที่ด้วยตนเอง กระทรวงสาธารณสุขพร้อมสนับสนุนทุกด้าน

         ทั้งนี้ การจัดส่งวัคซีนจะดำเนินการอย่างเต็มที่ในช่วงเดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งจะมีวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า จำนวนมาก โดยจะจัดสรรวัคซีนตามจำนวนที่จังหวัดแจ้งมา ซึ่งมีความต้องการไม่เท่ากัน ทั้งจากจำนวนการลงทะเบียนนัดฉีดวัคซีน จำนวนประชากรที่มากน้อยไม่เท่ากัน โดยรัฐบาลพยายามจัดศูนย์การฉีดวัคซีนให้มากที่สุด และไม่จำกัดอยู่ที่สถานพยาบาลของรัฐและเอกชน เช่น มีการเปิดศูนย์ฉีดวัคซีนที่เซ็นทรัลลาดพร้าว โรงพยาบาลเมดพาร์ค และกำลังพิจารณาข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในการใช้สถานีกลางบางซื่อเป็นสถานที่ฉีดวัคซีน สิ่งเหล่านี้จึงเป็นที่มาของการให้เดินเข้ามารับวัคซีน ซึ่งแต่ละจุดฉีดจะแบ่งสัดส่วนวัคซีนเพื่อรองรับคนที่เดินเข้ามาโดยตรงด้วย เช่น จัดสรรไว้ 20% สำหรับคนที่เดินเข้ามา ดังนั้น หากเดินเข้ามาแล้วจึงมีโอกาสที่ไม่ได้รับวัคซีนได้

         นายอนุทินกล่าวต่อว่า สำหรับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด มีการผลิตบรรจุขวดแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณภาพให้ครบถ้วน คาดหวังว่าจะสามารถส่งมอบได้ก่อนเวลา ทั้งนี้ ตามสัญญาจะส่งมอบวัคซีนที่ผลิตจากในประเทศไทย แต่หากเกิดอุปสรรคใดๆ เกิดขึ้นแอสตร้าเซนเนก้าต้องหาวัคซีนจากแหล่งผลิตอื่นมาแทน นอกจากนี้ ประเทศไทยยังหารือเพื่อสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มเติมในทุกเดือน มาช่วยประคับประคองสถานการณ์ในอีกทางด้วย แต่ยังไม่สามารถบอกจำนวนได้ รวมถึงยังมีการเจรจากับทางไฟเซอร์ ซึ่งอยู่ในส่วนสุดท้ายของการจัดทำเอกสารกันแล้ว ถ้าเรียบร้อยก็เซ็นสัญญาได้ ซึ่งเราขอไป 10-20 ล้านโดส เขาบอกว่าอาจส่งได้ในช่วงไตรมาสที่ 3-4

 


ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/41723