ข่าวสารกิจกรรม, ข่าวไวรัสโควิด-19
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แถลงข่าวมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แถลงข่าวมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เน้นย้ำไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการ
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กระทรวงคมนาคม แถลงข่าวมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 เน้นย้ำไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2564 ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมี พลเอก ปรีชา เบ็ญจขันธ์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านความมั่นคงประจำท่าอากาศยาน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตที่ 6 ผู้แทนบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ผู้แทนบริษัท Bangkok Flight Services (BFS) ผู้แทนบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เข้าร่วมการแถลงข่าว
นาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการ ทสภ. กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ระลอกใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มการแพร่ระบาดและพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นอย่างต่อเนื่องปัจจุบัน ทสภ. ได้รับรายงานว่า มีพนักงานและลูกจ้างของฝ่ายขนส่งทางอากาศติดเชื้อไวรัสโควิด 19 จำนวน 34 คน เมื่อได้รับทราบได้กำชับให้หน่วยงานปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและผู้ใช้บริการรวมทั้งสวัสดิภาพของพนักงานที่ปฏิบัติงานภายใน ทสภ. เป็นสำคัญ โดยมีแนวทางปฏิบัติดังนี้
1. ให้ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยและมีความเสี่ยงสูงตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด 19 และสั่งการให้พนักงานผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต้องกักตัว 14 วัน โดยจัดให้พนักงานฝ่ายอื่นมาปฏิบัติงานเเทนซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการของ ทสภ.
2. ทสภ. ดำเนินการทำความสะอาดโดยการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และทำความสะอาดแบบ Deep cleaning บริเวณพื้นที่ที่ผู้ป่วยและผู้ที่มีความเสี่ยงสูงปฏิบัติงาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่พนักงานและผู้ใช้บริการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด 19 และตามคำแนะนำของสาธารณสุข
3. พนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อทั้งหมดได้รับตรวจเชิงรุก (Active Case Finding) โดยฝ่ายการแพทย์ประสานสาธารณสุขอำเภอบางพลี และโรงพยาบาลบางพลีเพื่อดำเนินการ รวมทั้งจัดเตรียมพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการตรวจ
4. ให้พนักงานและลูกจ้างฯ สวมหน้ากากอนามัยและถุงมือขณะปฏิบัติหน้าที่ และหมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และการรักษาระยะห่าง
5. แบ่งพื้นที่การทำงานของแต่ละส่วนงานให้มีพื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) เป็นพื้นที่ทำงานชั่วคราวแทนได้ โดย ทสภ. จัดหาพื้นที่กักตัวสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง และจะเพิ่มพื้นที่กักตัวในกรณีที่มีผู้มีความเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้นจากเดิม
ทสภ. ได้ปฏิบัติตามแนวทางและมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) อย่างน้อยร้อยละ 80 ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายน 2564 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 และเน้นย้ำการดูแลรักษาความสะอาดทุกพื้นที่ภายในท่าอากาศยาน รวมทั้งบริเวณพื้นที่จุดสัมผัสต่าง ๆ เช่น ห้องน้ำ ลิฟต์ ทางเดินเลื่อน แบบ Deep Cleaning อย่างต่อเนื่องทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง และขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการทุกคนรวมถึงผู้ปฏิบัติงานต้องถือปฏิบัติยึดหลักบินวิถีใหม่ D – M – H – T – T ซึ่งประกอบด้วย D (DISTANCING) เว้นระยะห่างกัน หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้อื่น M (MASK- WEARING) สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา H (HAND WASHING) หมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ T (TEMPERATURE CHECK) ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและ T (THAICHANA) สแกนแอปพลิเคชั่นไทยชนะ
ที่ผ่านมา ทสภ. ให้ความสำคัญกับพนักงานและลูกจ้าง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ที่เป็นด่านหน้าในการให้บริการผู้โดยสาร ซึ่งใกล้ชิดผู้โดยสารและมีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ทสภ. จึงสนับสนุนพื้นที่การให้บริการจุดฉีดวัคซีนสำหรับผู้ปฏิบัติงาน ณ ทสภ. บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาออกชั้น 4 ประตู 9 บริเวณเคาน์เตอร์เช็คอิน Row U และ W โดยกระทรวงสาธารณสุขและศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงประจำท่าอากาศยานให้การสนับสนุนวัคซีนสำหรับผู้ปฏิบัติงานทุกหน่วยงานภายใน ทสภ. ซึ่งปัจจุบันฉีดวัคซีนให้กับพนักงานและผู้ปฏิบัติงานแล้วกว่า 4,371 คน และจะเร่งฉีดวัคซีนให้ผู้ปฏิบัติงานที่ให้บริการภาคพื้นรวมทั้งพนักงานในเขตพื้นที่เขตปลอดอากรก่อนเป็นการเร่งด่วนและทยอยฉีดให้ผู้ปฏิบัติงานอื่น ๆ จนครบทุกคนภายในเดือนมิถุนายน 2564
ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/41831
