ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้จังหวัดปทุมธานี เร่งค้นหาเชิงรุกเฝ้าระวังการติดเชื้อโควิด 19

          ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยพบผู้ติดเชื้อตลาดสี่มุมเมือง 867 ราย จุดเสี่ยงคือที่กั้นเข้าห้องน้ำแบบหยอดเหรียญ สั่งปิดโซนที่พบผู้ติดเชื้อพร้อมตั้งโรงพยาบาลสนาม 400 เตียง เดินหน้าค้นหาเชิงรุกในชุมชน ตลาด แคมป์ก่อสร้าง และเรือนจำ เพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อ

          วันที่ (18 พฤษภาคม 2564) ที่โรงพยาบาลปทุมธานี จ.ปทุมธานี นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมการดำเนินงานควบคุมโรคโควิด 19 ของ จ.ปทุมธานี ว่า การระบาดของโรคโควิด 19 ระลอก 1 เมษายน 2564 ของปทุมธานี เริ่มจากการระบาดในสถานบันเทิง ปัจจุบันสามารถควบคุมได้แล้วไม่พบการติดเชื้อจากสถานบันเทิงเพิ่ม การติดเชื้อขณะนี้ส่วนใหญ่มาจากการสัมผัสใกล้ชิดภายในครอบครัวร้อยละ 75 ที่เหลือเป็นการติดเชื้อในชุมชนและสถานที่เสี่ยง โดยในวันนี้ไปส่งทีมออกตรวจเชิงรุกที่ตลาดรังสิต เป้าหมาย 300 คน เทศบาลตำบลบางกะดี 600 คน บริษัทใน อ.ลาดหลุมแก้ว 80 คน นอกจากนี้ จะได้สุ่มตรวจในแคมป์คนงานก่อสร้างและในเรือนจำ 5 แห่งของจังหวัดด้วยเพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อ

          นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวว่า สำหรับตลาดสี่มุมเมือง ผลการตรวจคัดกรองเชิงรุกระหว่างวันที่ 7-15 พฤษภาคม 2564 คัดกรองแล้ว 10,480 คน พบติดเชื้อ 867 ราย คิดเป็นร้อยละ 8 โดยผู้ติดเชื้อเป็นคนไทยร้อยละ 70 ต่างด้าวร้อยละ 30 เป็นการติดเชื้อใน 2 โซน จากทั้งหมด 10 กว่าโซน ได้สั่งปิดในโซนที่พบผู้ติดเชื้อเพื่อควบคุมโรคและจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม “บุญรักษา” ภายในตลาดจำนวน 400 เตียง และวันที่ 20 พฤษภาคมจะเปิดเพิ่มอีก 400 เตียง เพื่อดูแลผู้ติดเชื้ออย่างดี หากมีอาการส่งต่อตามระบบ ส่วนในโซนที่เหลือได้กำหนดจุดเข้าออก 5 จุด คัดกรองการเข้า-ออกและลงทะเบียนไทยชนะ โดยผู้ค้าจะต้องมีผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบจึงเข้ามาค้าขายได้ ทั้งนี้จากการสอบสวนโรคพบปัจจัยเสี่ยงสำคัญ คือ ที่กั้นเข้าห้องน้ำแบบหยอดเหรียญเป็นความเสี่ยงในการสัมผัสและแพร่เชื้อ ได้มีการเอาที่กั้นออก ตั้งเจลแอลกอฮอล์ล้างมือแทน และทำความสะอาดตลาดทุกวันด้วยยาฆ่าเชื้อ ภาพรวมถือว่าควบคุมโรคได้เป็นอย่างดี

          ทั้งนี้ จ.ปทุมธานี ได้ฉีดวัคซีนโควิดให้กลุ่มเป้าหมายไปแล้วจำนวน 38,161 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 25,019 ราย และครบสองเข็ม 13,142 ราย ส่วนการจองวัคซีน มีผู้จองวัคซีนแล้ว 87,259 คน คิดเป็นร้อยละ 11.29 จากกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 773,126 คน

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/41862