ข่าวสารกิจกรรม, ข่าวไวรัสโควิด-19
ศบค.เตือนผู้ป่วยที่ไม่มีอาการและใช้วิธีกักตัวที่บ้าน ให้เข้าสู่ระบบการรักษาที่ภาครัฐจัดให้
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) เตือนผู้ป่วยที่ไม่มีอาการและใช้วิธีกักตัวที่บ้าน ให้เข้าสู่ระบบการรักษาที่ภาครัฐจัดให้ เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อไปยังครอบครัวและชุมชน
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) หรือ ศบค. เปิดเผยว่า ศูนย์บริหารจัดการศูนย์บริหารจัดการข้อมูลและการส่งต่อผู้ป่วยโควิด 19 รายงานว่า จากการเก็บสถิติ พบว่า ร้อยละ 25 ของผู้ป่วยที่มีอาการอยู่ในระดับสีเขียว อาจจะเริ่มมีอาการอยู่ในระดับสีเหลือง เนื่องจากการรอเตียงและเมื่อถึงโรงพยาบาลอาจจะกลายเป็นผู้ป่วยหนักได้ ดังนั้นจะมีมาตรการติดตามผู้ป่วยระหว่างรอเตียง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ปฏิเสธเข้ารับการรักษาและใช้วิธี home quarantine รักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน เพราะจะมีความเสี่ยงให้บุคคลในครอบครัวและชุมชนรอบข้างกลายเป็นพื้นที่เสี่ยงไปด้วย โดย กรมการแพทย์และกรมควบคุมโรค จะมีการหารือเรื่อง home isolation สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างรอเตียง ที่ยังไม่สามารถเข้าสู่ระบบการดูแลที่รัฐจัดให้ได้ จะมีมาตรการกำหนดอย่างไร
นอกจากนี้ พฤติกรรมของผู้ติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นตลาด หรือโรงงาน ยังพบว่ามีการเคลื่อนย้ายพื้นที่ของประชาชนในพื้นที่จังหวัดที่ติดกัน มีลักษณะที่เป็นตลาดใหญ่มีการค้าส่ง การค้าขายหลายจังหวัด เช่น ประชาชนจากจังหวัดนครปฐม เดินทางเข้ามาซื้อของในตลาด ทั้งนนทบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพฯ ทำให้การแพร่ระบาดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นไปอย่างรวดเร็วและน่าหนักใจ โดยในส่วนของกรุงเทพฯมีการเฝ้าระวัง 26 เขต 32 cluster โดยคลัสเตอร์ที่เพิ่มขึ้น 2 แห่งคือ โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ทุ่งครุ และสถานดูแลผู้สูงอายุเอกชน 3 แห่ง เขตบางแค ทั้งนี้ในบางคลัสเตอร์ ที่มีการแพร่ระบาดในโรงงาน Call Center ตลาด ชุมชน อยากให้สถานประกอบการ บริษัท ผู้ประกอบการทั้งหลายติดตามข่าวสาร ว่าการแพร่ระบาดใน cluster ต่างๆ ที่มีการติดเชื้อเกิดจากความเสี่ยงปัจจัยเสี่ยงใด เพื่อที่จะกำหนดมาตรการองค์กรของสถานประกอบการของตัวเองให้เข้มข้น อย่างสถานดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งที่ผ่านมา ศบค. เน้นย้ำมาตลอด ดังนั้นขอให้ทบทวนมาตรการอย่างรีบด่วนเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดและเสียชีวิต
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า มาตรการที่ขอให้สถานประกอบการ แคมป์คนงานก่อสร้าง ทบทวนมาตรการจัดการที่พักอาศัย โดยเฉพาะการใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นห้องอาบน้ำ ห้องส้วม หรือจุดบริการรับประทานอาหาร รวมถึงการดูแลไซต์งาน ให้มีการเว้นระยะการจัดการพื้นที่รับประทานอาหารให้ปลอดภัย รวมทั้งการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามพื้นที่ ขอให้ทำหนังสือขออนุญาตมาที่สำนักงานเขต ซึ่งวันนี้ สำนักงานโยธาธิการ กทม. รายงานที่ประชุมว่า ได้ส่งเอกสารขอความร่วมมือไปยังบริษัทก่อสร้างที่ขึ้นทะเบียนกับ สำนักงานโยธาธิการ กทม. ทั้งสิ้น 134 ราย เพื่อหารือร่วมกัน โดยเน้นย้ำการจัดการที่พักอาศัย ไซต์งานก่อสร้างที่ทำงาน รวมถึงการเคลื่อนย้ายแรงงาน ศบค. เห็นใจผู้ประกอบการ เพราะแคมป์คนงานเหล่านี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยสำนักงานเขตจะเน้นย้ำเรื่องการเข้าไปตรวจตราแคมป์คนงานต่างๆ หากพบว่าบริษัทใดไม่สามารถจัดการมาตรการได้อย่างถูกต้อง สำนักงานเขต มีอำนาจในการสั่งปิดได้ เพราะบางครั้งการเพาะที่พบว่าแคมป์คนงานขนาดใหญ่มีการติดเชื้อจำนวนมาก บางครั้งการคัดแยกผู้ป่วยตามระดับความรุนแรงและส่งไปรักษาโรงพยาบาลสนามต่างๆ อาจไม่สะดวก จะเป็นดีกว่าหากบริษัทมีความพร้อมกับการให้อยู่ในการดูแลพื้นที่แคมป์คนงานเอง ในบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง ซึ่งสำนักอนามัย และกรมควบคุมโรคกำลังหารือในเรื่องนี้ เพื่อกำหนดเป็นมาตรฐานในการดูแล ให้เกิดการแพร่ระบาดที่ไม่สามารถควบคุมได้
ที่ประชุม ศปก.ศบค. ยังมีการพูดคุย เรื่องการจัดตั้งศูนย์ควบคุมการแพร่ระบาดระดับเขต ซึ่งขณะนี้มี 50 เขต ที่เตรียมเฝ้าระวังความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เป็นทีมสอบสวนเฉพาะกิจการตรวจหาเชิงรุก กรมควบคุมโรค โดยได้รับความร่วมมือจากบุคลากรของ กรมควบคุมโรค มีการจัดทีมพี่เลี้ยงประจำเขต เช่น คลัสเตอร์คลองเตย สีลม บางรัก ดินแดง ห้วยขวาง เขตราชเทวี ซึ่งการเข้าไปช่วยดูแลของกรมควบคุมโรคจะทำให้ สำนักงานเขต ขับเคลื่อนมาตรการต่างๆได้อย่างรวดเร็ว และสามารถป้องกันและควบคุมโรคไม่ให้แพร่กระจายไปยังเขตอื่น ไม่ใช่เฉพาะแคมป์คนงานก่อสร้างเท่านั้น แต่รวมถึงพื้นที่หนาแน่น เช่น ตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ ที่มีการขายข้ามจังหวัด ตลาดในพื้นที่เขตอุตสาหกรรม
ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG210524135448208
