กระทรวงมหาดไทย สั่งการเร่งช่วยเหลือประชาชนในเหตุเพลิงไหม้โรงงานฯ จังหวัดสมุทรปราการ

กระทรวงมหาดไทย สั่งการเร่งช่วยเหลือประชาชนในเหตุเพลิงไหม้โรงงานฯ จังหวัดสมุทรปราการ

           กระทรวงมหาดไทย สั่งการเร่งช่วยเหลือประชาชนในเหตุเพลิงไหม้โรงงานฯ จังหวัดสมุทรปราการ เน้นย้ำดูแลประชาชนและความปลอดภัยเจ้าหน้าที่เป็นสำคัญ



           วันที่ (5 ก.ค.64) พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติกในซอยกิ่งแก้ว 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยและกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานและบูรณาการการทำงานทั้งส่วนกลาง จังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้การดูแลความปลอดภัยประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

           พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ เพื่อประสานการสนับสนุนร่วมกับกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ โดยระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ พร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย รวมทั้งส่งเฮลิคอปเตอร์ KA-32 จำนวน 2 ลำ สนับสนุนการดับเพลิงฯ ซึ่งในขณะนี้ยังคงอยู่ในพื้นที่และปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานและอาสาสมัครที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง

           พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวต่อว่า ได้เน้นย้ำให้จังหวัดบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนจิตอาสา ดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นระบบ พร้อมจัดให้มีสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ ที่พักอาศัยประกอบอาหารเลี้ยงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ และให้ความสำคัญมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อย่างเคร่งครัด ซึ่งในขณะนี้ จังหวัดสมุทรปราการได้ตั้งจุดอพยพ จำนวน 8 จุด ได้แก่

1) อบต.บางพลีใหญ่

2) วัดบางพลีใหญ่กลาง

3) โรงเรียนคลองบางกระบือ

4) โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์

5) ศาลพ่อหลวง

6) วัดบางโฉลงใน

7) วัดบางโฉลงนอก

8) วัดบางพลีใหญ่ใน

           นอกจากนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ได้กำชับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและอาสาสมัครให้ระมัดระวังตนเองในการปฏิบัติงาน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วง ดูแลประชาชนให้กลับสู่ภาวะปกติเร็ว ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลผ่านสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

 


ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/43480