ข่าวสารกิจกรรม, ข่าวไวรัสโควิด-19
สภาความมั่นคงแห่งชาติ เปิดเผยหากเสนอล็อคดาวน์พื้นที่โควิดระบาดหนัก ก็พร้อมดำเนินการ
สภาความมั่นคงแห่งชาติ เปิดเผยหากเสนอล็อคดาวน์พื้นที่โควิดระบาดหนัก ก็พร้อมดำเนินการ ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงประชาชนบางส่วนได้ทำมาหากินโดยไม่กระทบและเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโควิด 19
พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ผอ.ศปก.ศบค.) เปิดเผยว่า กำลังรอข้อเสนออย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุข ในการพิจารณาว่าจะล็อกดาวน์พื้นที่โควิด 19 ระบาด ซึ่งทาง ศบค.พร้อมที่จะรับพิจารณา เพราะต้องฟังข้อคิดเห็นจากกระทรวงสาธารณสุขเป็นอันดับแรกและนำมาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ขณะนี้ถือว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อยังทรงตัว โดยได้ติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้ออย่างใกล้ชิด พร้อมทำความเข้าใจถึงคำว่าล็อกดาวน์ซึ่งหากเปรียบเทียบความหมายแล้วประเทศไทยได้ล็อกดาวน์ เมื่อเดือนเมษายน 2563 แต่หลังจากนั้นแล้วประเทศไทยไม่ได้ล็อกดาวน์แต่เป็นการปิดพื้นที่ปิดบางกิจการ จำกัดการเคลื่อนย้าย ทั้งนี้หากตัวเลขมีการเพิ่มสูงขึ้นการประชุมรับข้อเสนอจากกระทรวงสาธารณสุขก็จะเร็วขึ้นก่อนวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 ซึ่งจะครบกำหนดการออกมาตรการล่าสุด แต่หากตัวเลขยังขึ้นลงก็ต้องประเมินให้ครบเวลา 15 วัน เพื่อประเมินครั้งเดียวและให้เกิดความครบถ้วน
โดยระหว่างนี้ก็เร่งหามาตรการในการแก้ไขสถานการณ์ เช่นการควบคุมการเคลื่อนย้าย การรักษาพยาบาล การจัดหาเตียงเพิ่มเติม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากเกิดการล็อกดาวน์ ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง พื้นที่อื่นๆ ก็จะต้องมีมาตรการเสริมให้สอดคล้องกันด้วย เพื่อสอดคล้องกับพื้นที่ที่ล็อกดาวน์
พลเอก ณัฐพล ย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้มีการหลีกเลี่ยงที่จะล็อกดาวน์ แต่มาตรการต้องชัดเจนนั่นหมายถึงการล็อกดาว์คือ ห้ามไม่ให้ไปไหนและมีมาตรการเคอร์ฟิวส์ เข้ามา พร้อมยอมรับว่าการล็อกดาวน์ในเดือนเมษายน 2563 ผู้ประกอบการและคนที่มีรายได้ไม่ประจำกระทบและเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก ในขณะนั้นกระทรวงการคลังรายงานว่าต้องใช้งบประมาณในการเยียวยาใช้ไปถึงเดือนละเกือบ 300,000 ล้านบาท ซึ่งหากดำเนินการล็อกดาวน์ก็หมายความว่าต้องใช้งบประมาณจำนวนที่กล่าวมาในการเยียวยาประชาชน ซึ่งก็ไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด ดังนั้นทาง ศบค.จึงคำนึงว่าการให้ประชาชนบางส่วนได้ทำมาหากินได้โดยไม่กระทบและเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดจึงเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ท้ายสุดแล้วจะต้องมีการหารือและวิเคราะห์ปัจจัยในการแก้ไขปัญหา
ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG210707100800150
