กรมบัญชีกลาง ออกหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาล กรณีรักษาตัวที่บ้าน

กรมบัญชีกลาง ออกหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาล กรณีรักษาตัวที่บ้าน

          กรมบัญชีกลาง กำหนดหลักเกณฑ์ อัตรา วิธีการและเงื่อนไข การเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล กรณีผู้มีสิทธิ์หรือบุคคลในครอบครัวเสี่ยงหรือติดเชื้อโควิด 19 (ฉบับที่ 3)



          นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อการรักษาผู้ป่วยที่สถานพยาบาลของทางราชการหรือสถานที่อื่นที่สถานพยาบาลได้จัดเตรียมไว้ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์ ได้กำหนดแนวทางการให้การรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อโควิด 19 ที่บ้าน หรือในสถานที่อื่นๆ ระหว่างรอเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน รวมทั้งได้มีการเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำที่กระตุ้นการเกิดหลอดเลือดอุดตันจากภูมิคุ้มกันภายหลังได้รับวัคซีนด้วยนั้น

          กรมบัญชีกลาง จึงได้กำหนดหลักเกณฑ์ อัตรา วิธีการและเงื่อนไข การเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล กรณีผู้มีสิทธิ์หรือบุคคลในครอบครัวเสี่ยงหรือติดเชื้อโควิด 19 (ฉบับที่ 3) ประกอบด้วย

  1. กรณีได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด 19 และอยู่ระหว่างรอเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน ซึ่งแพทย์มีความเห็นให้รักษาตัวที่บ้าน หรือสถานที่อื่นๆ ผู้มีสิทธิ์สามารถเบิกเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลได้ โดยค่าบริการของสถานพยาบาลและการดูแลผู้ป่วยกรณีพักรอก่อนเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง วันละไม่เกิน 1,000 บาท และไม่เกิน 14 วัน /ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องใช้ในการติดตามอาการ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 1,100 บาท ต่อราย /ค่ายา ค่าเอกซเรย์ ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการและค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด /ค่าพาหนะส่งต่อ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 1,000 บาท และค่าทำความสะอาดฆ่าเชื้อบนรถพาหนะ ในอัตราเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 3,700 บาทต่อครั้ง ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ป้องกันบุคคลของเจ้าหน้าที่แล้ว

  2. กรณีมีอาการผิดปกติภายหลังได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 และแพทย์สันนิษฐานว่าเกิดภาวะเกล็ดเลือดต่ำที่กระตุ้นการเกิดหลอดเลือดอุดตันจากภูมิคุ้มกันภายหลังได้รับวัคซีน หากเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน ให้มีสิทธิ์เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ โดยค่าตรวจ Heparin-PF 4 antibody (lgG) ELISA assay และค่าตรวจ Heparin induced platelet activation test (HIPA) ตามอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด เรื่อง อัตราค่าบริการสาธารณสุขเพื่อใช้สำหรับการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของทางราชการ ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2549 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และค่ายา IVIG (Human normal immunoglobulin, intravenous) ตามอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด

          ทั้งนี้หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลข้างต้น มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

 


ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG210712192145280