กระทรวงสาธารณสุข – กระทรวงคมนาคม กำหนดมาตรการเข้ม ขนย้ายผู้ป่วยใน กทม. – ปริมณฑล กลับภูมิลำเนา

กระทรวงสาธารณสุข – กระทรวงคมนาคม กำหนดมาตรการเข้ม ขนย้ายผู้ป่วยใน กทม. – ปริมณฑล กลับภูมิลำเนา

           รองโฆษกรัฐบาล เปิดเผยกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงคมนาคม กำหนดมาตรการเข้ม ขนย้ายผู้ป่วยใน กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล กลับภูมิลำเนา โดยจัดสายด่วน 1330 แจ้งความประสงค์ขอกลับบ้าน



           เมื่อวันที่ 22 ก.ค. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข ประสานกับรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดแนวทางการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด 19 ที่ต้องการเดินทางกลับไปรักษาที่ภูมิลำเนา เพื่อลดความหนาแน่นในการรองรับผู้ป่วยใน กทม.และปริมณฑล ล่าสุดสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กองทัพบก และกระทรวงคมนาคม ได้ประสานความร่วมมือ จัดรถรับ-ส่งผู้ป่วยโรคโควิด 19 ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ที่ต้องการกลับไปรักษายังภูมิลำเนาแล้ว โดยประชาชนที่ป่วยด้วยโรคโควิด 19 อาการไม่รุนแรง ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ที่ต้องการกลับไปรักษาตัวยังภูมิลำเนา สามารถติดต่อได้ที่สายด่วน 1330 กด 15 หรือลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ https://crmdci.nhso.go.th/

           น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการดำเนินการนั้น เมื่อผู้ป่วยรับทราบผลการติดเชื้อโควิด 19 แล้วแจ้งไปยังสายด่วน 1330 ประสงค์เดินทางกลับภูมิลำเนาเดิม สปสช.และกระทรวงคมนาคม จะแจ้งประสานไปยังจังหวัดปลายทางเพื่อส่งตัวผู้ป่วยเข้ารักษาที่โรงพยาบาลหรือโรงพยาบาลสนามในจังหวัด โดยมีมาตรการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่เข้มงวด ปลอดภัย ซึ่งเป็นข้อกำหนดจากกรมควบคุมโรคและสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เช่น มีอุปกรณ์กั้นผู้ป่วยแยกกับคนขับ มีมาตรการเว้นระยะห่าง นั่งที่เว้นที่ สำหรับรถตู้ให้โดยสารได้ไม่เกิน 5 คน พร้อมมีแพทย์วิดีโอคอลให้คำปรึกษาอาการระหว่างการเดินทาง โดยกระบวนการขนย้ายนี้ เป็นความร่วมมือของกระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย และกรมการขนส่งทหารบก

           น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับกระทรวงคมนาคม ได้กำหนดมาตรการด้านการขนส่งผู้ป่วยไว้เป็นอย่างดี โดยให้ดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด อาทิ การเว้นระยะห่างภายในรถ การทำความสะอาดตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด รวมทั้งการจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มให้กับผู้ป่วยระหว่างเดินทาง พร้อมประสานขอให้จังหวัดดำเนินการวางแผนการรองรับผู้ป่วยกลับบ้าน โดยให้มีการคาดการณ์ถึงสถานการณ์ในอนาคตเพื่อดำเนินการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าด้วย นอกจากนี้ ยังเพิ่มช่องการอื่น เช่น ไลน์ สำหรับกรณีที่จังหวัดหรือหน่วยงานใด ต้องการการสนับสนุนจากกระทรวงคมนาคม เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ทันต่อสถานการณ์

 


ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/44006