กรมอนามัย แนะนำผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อโควิด 19 ป้องกันลดเสี่ยงจากต้นทางถึงบ้านเกิด

กรมอนามัย แนะนำผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อโควิด 19 ป้องกันลดเสี่ยงจากต้นทางถึงบ้านเกิด

          กรมอนามัย ได้ออกประกาศเรื่อง คำแนะนำป้องกันความเสี่ยงจากโรคโควิด 19 สำหรับผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 เพื่อการปฏิบัติที่ปลอดภัย ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ



          นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ล่าสุดกรมอนามัย ได้ออกประกาศเรื่อง คำแนะนำป้องกันความเสี่ยงจากโรคโควิด 19 สำหรับผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 เพื่อการปฏิบัติที่ปลอดภัย ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ

          ผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อ โดยไม่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทน ต้องได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคโควิด 19 ตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อกำหนด ต้องไม่มีอาการ ไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส หายใจเหนื่อย หรือหายใจลำบากอย่างใดอย่างหนึ่ง และขณะปฏิบัติงานต้องสวมชุด Semi-PPE ได้แก่ ชุดกันเปื้อน ชุดกันฝน หน้ากากอนามัย หมวก ถุงมือและรองเท้าบูท โดยให้เปลี่ยนถุงมือทุกครั้งหลังปฏิบัติงานรับและส่งผู้ติดเชื้อแต่ละครั้ง สำหรับชุดกันเปื้อนให้เปลี่ยนใหม่ทุกวัน

          การจัดการภายในยานพาหนะ ให้มีฉากกั้นระหว่างพื้นที่ผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อและผู้ติดเชื้อ มีการระบายอากาศภายในห้องผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อและห้องผู้ติดเชื้ออย่างเพียงพอ จัดเตรียมเครื่องมือ เครื่องใช้และอุปกรณ์สำหรับปฏิบัติงาน อาทิ แอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ หน้ากากอนามัย ถุงบรรจุมูลฝอยติดเชื้อภายในยานพาหนะให้ใช้ถุงแดงที่ระบุหรือมีป้ายระบุ “มูลฝอยติดเชื้อผู้ติดเชื้อโควิด 19” และจัดเตรียมถุงบรรจุมูลฝอยติดเชื้อในลักษณะเดียวกัน กรณีผู้ติดเชื้ออาเจียน รวมทั้งมีถังรองรับมูลฝอยติดเชื้อแบบมีฝาปิด เป็นต้น

          การเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อ ผู้ให้บริการรับและส่งผู้ติดเชื้อต้องระมัดระวังในการสัมผัสใกล้ชิด ควรให้ผู้ติดเชื้อสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ระหว่างอยู่ในยานพาหนะ ให้ใช้การสื่อสารทางโทรศัพท์หรืออุปกรณ์สื่อสารเท่านั้น ไม่ควรให้ผู้ติดเชื้อลงจากยานพาหนะ ยกเว้นมีเหตุจำเป็น เช่น การกินอาหาร เข้าห้องส้วม ให้จอดบริเวณที่ทางราชการกำหนด เช่น ศูนย์พักรถที่ทางกองบังคับการตำรวจทางหลวงกำหนดและหากผู้ติดเชื้อเกิดอาการผิดปกติหรือมีเหตุฉุกเฉินขณะเดินทาง ให้ติดต่อสายด่วน 1669 หรือ 1330 เพื่อส่งต่อผู้ติดเชื้อไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง

          นอกจากนี้ ในระหว่างการเดินทางหากร่างกายสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ ให้ใช้กระดาษชำระเช็ดออกทันที แล้วเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ และล้างมือด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกครั้ง สำหรับการทำความสะอาดพื้นผิวภายในยานพาหนะ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค โดยเปิดหน้าต่าง ประตูระบายอากาศหลังจากทำความสะอาดและฆ่าเชื้อทุกครั้ง เมื่อเสร็จภารกิจแต่ละวันต้องถอดชุดป้องกันทิ้งในรูปแบบมูลฝอยติดเชื้อ อาบน้ำด้วยสบู่ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดก่อนกลับบ้านและเฝ้าระวังอาการตนเอง หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์และแจ้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด กรณีกรุงเทพมหานครแจ้งศูนย์บริการสุขภาพ หรือสำนักงานเขตกรุงเทพมหานครทันที

 


ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG210723195725865