ข่าวสารกิจกรรม, ข่าวไวรัสโควิด-19
กรมอนามัย ชี้โควิดรอบนี้พบหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อสูงขึ้นและเสี่ยงเสียชีวิตมากกว่าคนปกติ 3 เท่า
กรมอนามัย ชี้โควิดรอบนี้พบหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อสูงขึ้นและเสี่ยงเสียชีวิตมากกว่าคนปกติ 3 เท่า โดยการระบาดระลอกนี้พบหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาก จาก 5-25 รายต่อเดือน ล่าสุดเดือนกรกฎาคม เพิ่มเป็น 800 ราย ข้อมูลตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 ถึง 11 สิงหาคม 2564 พบหญิงตั้งครรภ์ติดโรคโควิด19 แล้ว 1,993 ราย จำนวนนี้เพียง 10 รายที่เคยรับวัคซีน ขณะที่ภาพรวมหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ข้อมูลวันที่ 11 สิงหาคม 2564 มีจำนวน 7,935 ราย เข็ม 2 จำนวน 574 ราย
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การระบาดระลอกนี้พบหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาก จาก 5-25 รายต่อเดือน ล่าสุดเดือนกรกฎาคม เพิ่มเป็น 800 ราย ข้อมูลตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 ถึง 11 สิงหาคม 2564 พบหญิงตั้งครรภ์ติดโรคโควิด19 แล้ว 1,993 ราย จังหวัดที่พบติดเชื้อมากสุด ได้แก่ กทม. รองลงมาคือ สมุทรสาคร ปทุมธานี ยะลา สงขลา สมุทรปราการ นราธิวาส อยุธยา ขอนแก่น และตาก จำนวนนี้เพียง 10 รายที่เคยรับวัคซีน
ขณะที่ภาพรวมหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ข้อมูลวันที่ 11 สิงหาคม 2564 มีจำนวน 7,935 ราย เข็ม 2 จำนวน 574 ราย ทั้งนี้ในจำนวนหญิงตั้งครรภ์ที่ติดโควิด คลอดแล้ว 1,129 ราย ส่วนใหญ่ 55% เป็นการคลอดโดยการผ่า เกือบ 18% เป็นการคลอดก่อนกำหนด มากกว่าภาวะปกติที่ไทยจะพบการลอดก่อนกำหนดอยู่ที่ 10% นอกจากนี้ยังพบทารกน้ำหนักน้อย 16% จากปกติที่พบแค่ 8% และจากหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อ พบเสียชีวิต 37 ราย ทั้งหมดเสียชีวิตในช่วงครึ่งหลังขอการตั้งครรภ์ โดยจำนวนนี้ 35 ราย มีสาเหตุเพราะปอดอักเสบจากโรคโควิด ส่วนอีก 2 รายเป็นภาวะทางสูติกรรม คือมี 1 ราย รกลอกตัวก่อนกำหนด และอีก 1 ราย น้ำคร่ำอุดกั้นปอด สำหรับทารกที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อ พบมีการติดเชื้อจากแม่ 113 ราย เสียชีวิต 20 ราย ทั้งนี้พบหญิงตั้งครรภ์ที่เสียชีวิตเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ถูกระบุว่าเป็นภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรงอยู่แล้ว ได้แก่ อ้วน อายุเกิน 35 ปี เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ใช้สารเสพติด ส่วนใหญ่หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อมากจากบุคคลในครอบครัว ที่ทำงาน ตลาดและงานเลี้ยง
เมื่อวิเคราะห์การเสียชีวิตหญิงตั้งครรภ์ พบจาก 3 ปัจจัยสำคัญคือ ปัจจัยจากหญิงตั้งครรภ์ 9% การเข้าถึงบริการ 21% แปลข้อจำกัดภายในระบบบริการร้อยละ 70% จะเห็นว่าหญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงที่โรคจะรุนแรงกว่าคนทั่วไป 3 เท่าโดยเฉพาะผู้มีโรคประจำตัวเสี่ยง ดังนั้นการยกระดับมาตรการป้องกันและดูแลรักษาหญิงตั้งครรภ์ต้องเน้นป้องกันระดับบุคคลส่งเสริมให้หญิงตั้งครรภ์ดูแลป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด โดยให้เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิและเมื่อสงสัยว่าตัวเองมีความเสี่ยงในการติดเชื้อสามารถไปตรวจหาเชื้อด้วย antigen Test Kit สนับสนุนให้หญิงตั้งครรภ์ทำงานที่บ้าน โดยเฉพาะกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะครรภ์เสี่ยงสูงรวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ที่ทำงานในสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงสูงหรือในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด คู่กับส่งเสริมให้ไปรับวัคซีนหากมีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์หรือ 3 เดือนขึ้นไป โดยไม่ต้องกลัวเรื่องผลข้างเคียงวัคซีนเพราะไม่ได้ต่างจากคนทั่วไป สามารถฉีดได้ทั้งในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ซึ่งกรมอนามัยได้ออกคำแนะนำสำหรับหญิงใน Facebook Fanpage ของกรมอนามัย
ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG210813154315889
