รัฐบาล พร้อมรองรับการตรวจ ATK เชิงรุก เร่งอบรมอาสาสมัคร

รัฐบาล พร้อมรองรับการตรวจ ATK เชิงรุก เร่งอบรมอาสาสมัคร

           รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุข ในการตรวจคัดกรองเชิงรุกด้วยชุดตรวจหาเชื้อโควิด 19 แบบ Antigen Test Kit (ATK) โดยกรมวิทยาศาตร์การแพทย์และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เตรียมกำลัง อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน หรือ “อสม.นักวิทย์” จำนวน 5,000 คน เพื่อสอนการใช้ชุดตรวจโควิด 19 โดยวิธี Antigen Test Kit (ATK) ให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ



           นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุข ในการตรวจคัดกรองเชิงรุกด้วยชุดตรวจหาเชื้อโควิด 19 แบบ Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ เพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายโควิด 19 โดยกรมวิทยาศาตร์การแพทย์และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เตรียมกำลัง อสม.วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน หรือ “อสม.นักวิทย์” จำนวน 5,000 คน เพื่อสอนการใช้ชุดตรวจโควิด 19 โดยวิธี Antigen Test Kit (ATK) ให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ

           พร้อมกับเปิดช่องทางการสื่อสารผ่านไลน์ @nhso เพิ่มความรวดเร็ว เพื่อให้สามารถเข้าระบบกักตัวที่บ้าน Home Isolation ได้ทันที โดยเบื้องต้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้เร่งอบรมเตรียมความพร้อมให้ อสม.นักวิทย์ จำนวน 5,000 คน ทั่วประเทศ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงในการสอนวิธีใช้งานชุดตรวจโควิด 19 โดยวิธี Antigen Test Kit (ATK) ให้แก่ประชาชน โดยจะเน้นไปที่การให้ความรู้ แนวทางและข้อควรระวังการใช้ชุดตรวจ ATK เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ชุดตรวจด้วยตนเองอย่างถูกวิธี รวมทั้งเน้นการฝึกปฏิบัติภาคสนาม ทั้งในพื้นที่ ตลาดสดและชุมชน เพื่อให้คำแนะนำ การเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง การฝึกใช้ชุดตรวจ ATK กับกลุ่มเปราะบางและยังได้รับความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรม อบรมการใช้ชุดตรวจ ATK แก่พนักงานโรงงานแล้วกว่า 2,000 แห่ง

           ขณะที่ สปสช. ก็เปิดช่องทางการสื่อสารผ่านไลน์ OA ซึ่งขอเชิญชวนประชาชนทุกสิทธิรักษายืนยันตัวตนผ่านไลน์ @nhso ล่วงหน้า เพื่อความรวดเร็วในการเข้าระบบดูแลที่บ้าน (Home Isolation) หากผลตรวจ ATK พบว่าติดเชื้อโควิด 19 จะได้ลดขั้นตอนการยืนตัวตน ส่วนผู้ติดเชื้อโควิดที่กำลังกักตัวที่บ้านรอจับคู่กับหน่วยบริการเพื่อดูแลแบบ HI ก็สามารถยืนยันตัวตนผ่านช่องทางนี้ได้และเมื่อผู้ติดเชื้อได้รับ QR code ตอบกลับจากหน่วยบริการแล้ว จะสามารถสแกนแล้วเข้าระบบดูแลได้เลย กรณีที่ไม่มีมือถือสมาร์ทโฟนจะใช้วิธีการยืนยันตัวตนแบบเดิมคือ แจ้งหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ได้เช่นกัน ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือดูรายละเอียดขั้นตอนการยืนยันตัวตนได้ที่ https://youtu.be/zc7ClnmOWf8

 


ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG210830135015751