อว. ร่วมกับ 4 กระทรวง ยุติโรคระบาดด้วยนวัตกรรมเชื่อมต่อฐานข้อมูลสาธารณสุขแบบบูรณาการ

อว. ร่วมกับ 4 กระทรวง ยุติโรคระบาดด้วยนวัตกรรมเชื่อมต่อฐานข้อมูลสาธารณสุขแบบบูรณาการ

         กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับ 4 กระทรวง ยุติโรคระบาดด้วยนวัตกรรมเชื่อมต่อฐานข้อมูลสาธารณสุขแบบบูรณาการ รองรับสถานการณ์การระบาดทั้งในปัจจุบันและอนาคต



         ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงฯ เข้าร่วมงานแถลงข่าวความร่วมมือการขับเคลื่อนแผนการปฏิรูประบบสาธารณสุข Big Rock 1 “ยุติโรคระบาดด้วยนวัตกรรม โดยการเชื่อมต่อฐานข้อมูลสาธารณสุขแบบบูรณาการ (Ending Pandemics through Innovation Program)” ผ่านระบบออนไลน์ ระหว่าง 5 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการคลัง โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายสุรชัย ชัยตระกุลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมการแถลงข่าวดังกล่าวด้วย

         ดร.เอนก เปิดเผยว่า การควบคุมสถานการณ์การระบาดให้มีประสิทธิภาพนั้น นอกจากจะต้องวางแนวทางในการป้องกันควบคุมและรักษาโรคที่ดีแล้ว สิ่งสำคัญคือจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในช่วงการระบาดและในภาวะฉุกเฉินด้วย ต้องบูรณาการและเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลด้านสุขภาพเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการบริหารจัดการสถานการณ์การระบาดในประเทศ กระทรวงอว. มีแนวคิดในการนำนวัตกรรมต่างๆมาสนับสนุนการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขและคณะปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข ประกอบไปด้วยแผนงานทั้งหมด 7 ด้าน ได้แก่

    • จัดทำแผนระดับชาตินำนวัตกรรมมาใช้เพื่อพัฒนากลไกในการเตรียมความพร้อมสำหรับโรคระบาดระดับชาติและโรคอุบัติใหม่ อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนระดับชาติโรคติดต่อและโรคอุบัติใหม่
    • พัฒนาโครงสร้างระบบบริการสุขภาพแบบเครือข่ายและบูรณาการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
    • ยกระดับศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดโรคระดับชาติและอุบัติใหม่ในภาวะฉุกเฉิน
    • สร้างระบบมาตรฐานข้อมูลกลางและเชื่อมต่อแบบบูรณาการพร้อมระบบข่าวกรองและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
    • พัฒนาระบบจัดซื้อจัดหาวัคซีนยาชุดตรวจและเครื่องมือแพทย์สู่การผลิตเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงเวชภัณฑ์ได้รวดเร็วในภาวะฉุกเฉิน
    • พัฒนากลไกเพื่อนำนวัตกรรมการแพทย์เช่นยาชุดตรวจ ชุดPPE หน้ากากทางการแพทย์เป็นต้นมาใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
    • พัฒนากำลังคนและขีดความสามารถด้านสาธารณสุขรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน

         สป.อว. เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณและมอบหมายให้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) เป็นผู้ประสานงานหลัก โดยมีแผนงาน 5 ปี สิ้นปี 2564 มีความมุ่งหวังว่าจะยุติการระบาดและประชาชนสามารถอยู่ร่วมกับเชื้อโควิด 19 อย่างสงบสุข และมีแผนงานต่อเนื่องร่วมกับหน่วยงานเครือข่าย ขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากงานนวัตกรรมและงานวิจัยที่มีอยู่ ช่วยสนับสนุนการควบคุมและป้องกันการระบาดของเชื้ออื่นๆในอนาคตด้วย

         หนึ่งในภารกิจสำคัญในการร่วมขับเคลื่อน คือ การพัฒนาระบบการเชื่อมต่อฐานข้อมูลด้านสุขภาพแบบบูรณาการ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยได้รับความร่วมมือจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหน่วยงานหลักที่จะร่วมผลักดันให้เกิดการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น การเชื่อมโยงฐานข้อมูลด้านสุขภาพและการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพที่สมบูรณ์นั้น มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาบริการเบิกจ่ายให้กับประชาชนเท่านั้น แต่การเชื่อมโยงฐานข้อมูลจะนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมทางด้านการบริการและการรักษาใหม่ๆ พร้อมกระตุ้นให้เกิดการลงทุนและการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศ

         นอกจากการสนับสนุนงบประมาณบางส่วนแล้ว กระทรวง อว. ยังมีความร่วมมือกับหน่วยงานเครือข่ายและพันธมิตรต่างๆ สนับสนุนการพัฒนาแพลตฟอร์มและการส่งต่อข้อมูลด้วยอิเล็กทรอนิกส์ กับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมทั้งพัฒนานวัตกรรมการเชื่อมต่ออื่นๆ เพื่อให้เกิดบริการทางสุขภาพ โดยร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง และกระทรวงแรงงาน จากความร่วมมือในการขับเคลื่อนในโครงการนี้มีความมุ่งหวังว่าภายในปี 2565 ประเทศไทยจะมีระบบบริหารจัดการสถานการณ์ระบาดที่มีประสิทธิภาพ ทำให้คนไทยสามารถอยู่กับโรคโควิดได้อย่างปกติสุข ดร.เอนก กล่าวในตอนท้าย

 


ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/47706