โควิดสายพันธุ์โอไมครอน
องค์การอนามัยโลกได้ประกาศอย่างเป็นทางการให้ไวรัสกลายพันธุ์ตัวใหม่ B.1.1.529 ซึ่งพบครั้งแรกในประเทศแอฟริกาใต้ เป็นกลุ่มที่มีความรุนแรงสูงสุดหรือกลุ่มน่ากังวล (VOC : Variant of Concern)
และตรวจพบว่ามีการกลายพันธุ์ในตำแหน่งหนามมากถึง 32 ตำแหน่ง
ในขณะที่ไวรัสสายพันธุ์เดลต้า กลายพันธุ์ที่ส่วนหนามเพียง 9 ตำแหน่ง ทำให้ไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอนมีการเปลี่ยนแปลงสารพันธุกรรมที่ตำแหน่งหนามมากกว่าเดลต้าถึง 3.5 เท่า
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ โพสต์ผ่านเฟสบุ๊ก ระบุว่า ขณะนี้ทั่วโลกให้ความสนใจมากกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน ทั้งนี้เพราะการกลายพันธุ์เฉพาะในส่วนหนามแหลม สามารถเก็บจาก การกลายพันธุ์ที่เกิดในสายพันธุ์แอลฟา เบต้า และเดลต้า มาแล้ว ยังเพิ่มตำแหน่งการกลายพันธุ์เพิ่มขึ้นอีก 30 ตำแหน่ง
- แพร่กระจายมากกว่าสายพันธุ์เดลต้า
- ความรุนแรงของโรคยังต้องศึกษา
- สามารถตรวจ RT-PCT ได้
การฉีดวัคซีนยังจำเป็น ช่วยลดความรุนแรง ลดป่วย และเสียชีวิต ทำให้โควิดเป็นเหมือนโรคทางเดินหายใจ
18 ประเทศ/พื้นที่ ยืนยันพบเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน
Q&A คลายข้อข้องใจ
จากการดูพันธุกรรมไวรัสนี้ พัฒนาเพิ่มขึ้นจากสายพันธุ์เดลต้า ที่แพร่กระจายง่ายอยู่แล้ว อย่างน้อยการแพร่กระจายของโรค ก็ไม่น่าจะน้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้า
- จากข้อมูล ที่ได้มาจากแอฟริกาใต้เบื้องต้น ในหลายครอบครัว พบว่าสายพันธุ์นี้มีอาการไม่มาก ทั้งในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนแล้วและไม่ได้รับวัคซีน โดยธรรมชาติของไวรัสที่แพร่กระจายง่าย ไวรัสเองก็ต้องการมีชีวิตอยู่ยาวนาน หรือแพร่พันธุ์ได้ยาวนาน ในการศึกษาในอดีตสำหรับไวรัสตัวอื่น ที่มีการถ่ายทอดลูกหลานมายาวนาน หรือการเพาะเลี้ยงจากรุ่นต่อรุ่นไปยาวๆ จะพบว่าความรุนแรงจะลดน้อยลง ในอดีตการทำวัคซีนจึงใช้วิธีการเพราะเลี้ยงไปเรื่อยๆ 30-40 ครั้ง ก็จะได้ไวรัสที่อ่อนฤทธิ์ลง แล้วเอามาทำวัคซีนเช่นการทำวัคซีนโปลิโอชนิดเชื้อเป็น
- อย่างไรก็ตามสำหรับไวรัสตัวนี้ยังใหม่เกินไป ที่จะบอกว่า อาการของโรคลดน้อยลงหรือเพิ่มขึ้น จะต้องดูจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาล ผลการรักษา อัตราการเสียชีวิต ระยะเวลาที่นอนโรงพยาบาล เปรียบเทียบกับสายพันธุ์เดิมที่มีอยู่ เช่นสายพันธุ์ เดลต้า
- สิ่งที่กังวล คือ ผลของการกลายพันธุ์ ทำให้เชื้อสามารถแพร่ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นกว่าสายพันธุ์อื่นๆ
- สธ. ขอให้ประชาชน อย่าตื่นตระหนก และคงมาตรการป้องกันตัวเองแบบครอบจักรวาล จะเป็นเกราะป้องกันจากโควิด 19 ได้
- จากการที่ได้พิจารณาตามรหัสพันธุกรรม อย่างน้อยการตรวจทางห้องปฏิบัติการส่วนใหญ่จะใช้ N gene อย่างน้อย 1 ยีนส์ ในตำแหน่งของ N gene เป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างคงที่ ไม่มีผลกับการตรวจ แต่อาจจะมีผลต่อการตรวจในยีน RdRp ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบที่ใช้กันอยู่ที่ห้องปฏิบัติการของศูนย์ ที่ทำอยู่ขณะนี้ เมื่อนำมาเปรียบเทียบ ตามรหัสพันธุกรรม ก็พบว่ายังสามารถใช้ได้ดี
- ส่วนของบริษัทต่างๆ ก็คงต้องมีการตรวจสอบโดยเฉพาะในส่วนของยีนอื่นที่ไม่ใช่ N ยีนส์
ที่มา
- https://www.facebook.com/informationcovid19/photos/a.106455480972785/455356616082668/
- https://www.facebook.com/informationcovid19/photos/a.106455480972785/455935782691418/
- https://www.facebook.com/informationcovid19/photos/a.106455480972785/456051199346543/
- https://www.facebook.com/informationcovid19/photos/a.106455480972785/456052706013059/
Post Views: 106