ข่าวสารกิจกรรม, ข่าวไวรัสโควิด-19
กรุงเทพมหานคร ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในพื้นที่ ด้านการเตรียมความพร้อมด้านการรักษารวมถึงแนวทางการนำส่งตัวผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรรักษาโดยเร็วที่สุด
จากการประชุมคณะอนุกรรมขับเคลื่อนการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 1/2565 เพื่อหารือแนวทางการกำกับ ติดตาม และประเมินผลมาตรการด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด 19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 65 โดยมี พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร หน่วยงานเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย หน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานคร อาทิ สำนักการแพทย์ สำนักอนามัย และหน่วยงานภายนอก อาทิ กรมการแพทย์ กรมอนามัย สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (ศปคม.) กรมควบคุมโรค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน (OMICRON) เป็นไปอย่างรวดเร็ว สามารถติดเชื้อได้ง่าย มีผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้าสู่ระบบการรักษาจำนวนเพิ่มขึ้น ในที่ประชุมจึงได้พูดคุยถึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการร่วมกันป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ในด้านการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาล รวมถึงแนวทางการนำส่งตัวผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้าสู่ระบบการรรักษาโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ หากประชาชนมีความเสี่ยงหรือสงสัยว่าตนเองจะติดเชื้อเบื้องต้นสามารถตรวจ ATK ด้วยตนเอง หากผลการตรวจออกมาเป็นบวกติดเชื้อให้ติดต่อสายด่วนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โทร. 1330 หรือไลน์ @สปสช จากนั้นเจ้าหน้าที่จะทำการประเมินอาการหากไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยจะให้ผู้ติดเชื้อทำ Home Isolation (HI) แยกกักและพักรักษาตัวที่บ้าน โดยเจ้าหน้าที่จะจัดส่งสิ่งของ อุปกรณ์จำเป็น และเวชภัณฑ์ ภายใน 24 ชั่วโมง รวมถึงมีตรวจประเมินสุขภาพด้วย Telemonitor ทุกวัน อาทิ วัดอุณหภูมิร่างกาย (Thermometer) วัดความดัน (Blood Pressure) วัดระดับออกซิเจนในเลือด (Pulse Oximeter) ซึ่งหากผู้ติดเชื้อไม่สามารถทำ HI ได้ เจ้าหน้าที่ก็จะนำเข้าสู่ระบบการรักษาที่ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation : CI) ที่ภาครัฐจัดไว้สำหรับดูแลรักษาผู้ป่วยในชุมชน หากผู้ป่วยโควิด-19 อาการดีขึ้นก็กลับบ้านได้ แต่หากอาการรุนแรงหรือหนักขึ้นก็จะส่งต่อการรักษาไปยัง Hospital โรงพยาบาลสนาม หรือโรงพยาบาลหลัก ตามอาการต่อไป
ส่วนผู้ที่ได้รับการประเมินอาการแล้วมีอาการปานกลางหรือมีปัจจัยเสี่ยงที่จะมีอาการหนักขึ้น ไม่สามารถทำ HI หรือ CI ได้ เจ้าหน้าที่ก็จะส่งเข้าระบบการรักษา Hospital โรงพยาบาลสนาม หรือโรงพยาบาลหลัก ตามอาการให้เร็วที่สุดเบื้องต้นกำหนดไว้ไม่เกิน 12 ชั่วโมง
สำหรับเกณฑ์การส่งต่อผู้ป่วยจาก HI หรือ CI เข้าโรงพยาบาล จะดูจากอาการข้อใดข้อหนึ่งดังนี้
- มีอาการไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส ระยะเวลานานกว่า 24 ชั่วโมง
- ค่า Oxygen saturation ต่ำกว่า 94%
- หายใจเร็วกว่า 25 ครั้ง ต่อนาที (ในผู้ใหญ่)
- กลุ่ม 608 ที่มีความเสี่ยง หรือจำเป็นต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิดตามดุลยพินิจของแพทย์ รวมทั้งกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวและมีอาการเปลี่ยนแปลง
- สำหรับในเด็ก อาการข้อ 1-2 ร่วมกับอาการหายใจลําบาก หายใจเร็วเกินเกณฑ์อายุ ซึมลง ดื่มนม หรือทานอาหารน้อยลง
ที่มา : https://bit.ly/34RpmLP