ข่าวสารกิจกรรม, ข่าวไวรัสโควิด-19
กระทรวงสาธารณสุข ประเมินสมรรถนะรับมือโควิด19 ตามแนวทาง WHO พบอยู่ระดับ “ดีมาก”
กระทรวงสาธารณสุข ประเมินสมรรถนะรับมือโควิด19 ตามแนวทาง WHO พบอยู่ระดับ “ดีมาก” โดยประเมินตามสมรรถนะหลักขององค์การอนามัยโลก (WHO) ถอดบทเรียน ทบทวนหลังปฎิบัติงาน ซึ่งประเทศไทยและกระทรวงสาธารณสุข มีสมรรถนะและการรับมือสถานการณ์อยู่ในระดับดีมาก ใน 7 องค์ประกอบหลัก เช่น ภาวะผู้นำ การบริหารจัดการ กำลังคน ยา เวชภัณฑ์ วัคซีน ระบบบริการ การมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ และขณะนี้ สถานการณ์ส่วนใหญ่ทั่วโลกและประเทศไทย อยู่ในระยะการปรับตัวเข้าสู่การยุติการระบาดใหญ่ เป็น “โรคประจำถิ่น (Endemic)” จากปัจจัยของเชื้อที่ลดความรุนแรงลงมาก ขณะนี้สถานการณ์อยู่ในระยะทรงตัวและชะลอการเพิ่มจำนวน คาดว่าจะดีขึ้นตามลำดับและเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นในต้นเดือนกรกฎาคม 2565 นี้
นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง ประธานคณะกรรมการ MIU และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่มีทิศทางลดความรุนแรงลง นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข จึงให้วางแผน เตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการเพื่อเข้าสู่การเป็น “โรคประจำถิ่น” อย่างดีสุด
ทีมวิจัยกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัยต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประเมินผลการรับมือสถานการณ์โควิด19 ลงพื้นที่จริงทั้งในระดับประเทศ และในระดับพื้นที่ จำนวน 8 พื้นที่หลัก และ 44 พื้นที่ย่อย เพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย เตรียมความพร้อมและมาตรการสำคัญในการรับมือสถานการณ์ในระยะถัดไปจนเข้าสู่การยุติการระบาด
โดยประเมินตามสมรรถนะหลักขององค์การอนามัยโลก (WHO) ถอดบทเรียน ทบทวนหลังปฎิบัติงาน (After Action Review : AAR) พบว่า
- ประเทศไทยและกระทรวงสาธารณสุข มีสมรรถนะและการรับมือสถานการณ์อยู่ในระดับดีมาก ใน 7 องค์ประกอบหลัก เช่น ภาวะผู้นำ การบริหารจัดการ กำลังคน ยา เวชภัณฑ์ วัคซีน ระบบบริการ การมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ
- ขณะนี้ สถานการณ์ส่วนใหญ่ทั่วโลกและประเทศไทย อยู่ในระยะการปรับตัวเข้าสู่การยุติการระบาดใหญ่ (Pandemic Ending) เป็น “โรคประจำถิ่น (Endemic)” จากปัจจัยของเชื้อที่ลดความรุนแรงลงมาก ขณะนี้สถานการณ์อยู่ในระยะทรงตัวและชะลอการเพิ่มจำนวน คาดว่าจะดีขึ้นตามลำดับและเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นในต้นเดือนกรกฎาคม 2565 นี้
- ระบบบริการการแพทย์และสาธารณสุข เช่น ระบบป้องกันควบคุมโรค บุคลากร ยา เวชภัณฑ์ และจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วย มีความพร้อมในการรับสถานการณ์ แต่ต้องปรับการดูแลรักษาผู้ป่วย ในลักษณะเดียวกับการดูแลผู้ป่วยโรคติดต่อทั่วไป เช่น ไข้หวัดใหญ่ โดยผู้ที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อย ให้รักษาตัวแบบผู้ป่วยนอก (OPD) ดูแลตนเองที่บ้าน และรับเป็นผู้ป่วยใน (IPD) กรณีที่มีอาการรุนแรง หรือเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง การเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค จะเน้นการสอบสวน ควบคุมการระบาดที่เป็นกลุ่มก้อน เฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด19 ที่กลายพันธุ์และเพิ่มความรุนแรง และพิจารณาการให้วัคซีนในระยะถัดไป เป็นการให้วัคซีนประจำปีในกลุ่มเสี่ยงคล้ายการให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่
- ระบบเวชภัณฑ์ ยา วัคซีน สามารถบริหารจัดการได้ดี มีจำนวนเพียงพอ
- เร่งพัฒนาระบบการสื่อสารสร้างความเข้าใจที่ทันสมัยและเป็นเชิงรุก ทั้งในสื่อสังคมออนไลน์ และสื่ออื่นๆ ให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม รวมถึงเร่งเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็น “โรคประจำถิ่น” โดยสร้างความรู้ ความเข้าใจ การปรับตัว ทั้งในภาคประชาชน สังคม วัฒนธรรม การใช้ชีวิตรูปแบบวิถีใหม่ (New Normal) มาตรการทางสังคมที่ดีและเหมาะสม
ที่มา : https://bit.ly/3sJ720D
