กระทรวงแรงงาน เดินหน้าช่วยเหลือพี่น้องแรงงานทั่วประเทศ ยกระดับเเรงงานและหลักประกันสุขภาพ

กระทรวงแรงงาน เดินหน้าช่วยเหลือพี่น้องแรงงานทั่วประเทศ ยกระดับเเรงงานและหลักประกันสุขภาพ

         กระทรวงแรงงงาน เดินหน้าช่วยเหลือพี่น้องแรงงานทั่วประเทศ มุ่งมั่นส่งเสริมให้แรงงานมีงานทํา รวมถึงการสร้างหลักประกันทางสังคมแก่แรงงานนอกระบบ กลุ่มเปราะบาง ยกระดับการประกันสังคม



         นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวนโยบายและผลดำเนินงานของกระทรวงแรงงงานต่อผู้ใช้แรงงาน เนื่องเนื่องในโอกาส วันแรงงานแห่งชาติ 2565 ว่า แม้ว่าประเทศไทยและประเทศทั่วโลกยังคงประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระทรวงแรงงาน ยังมุ่งมั่นส่งเสริมให้แรงงานมีงานทํา รวมถึงการสร้างหลักประกันทางสังคมแก่แรงงานนอกระบบ กลุ่มเปราะบาง ยกระดับการประกันสังคม

         ที่ผ่านมาแรงงาน ได้ยื่นข้อเรียกร้องวันแรงงานแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน มีการยื่นข้อเรียกร้อง รวมทั้งหมด 17 เรื่อง ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ดําเนินการแล้วเสร็จในขั้นของกระทรวงแล้ว 10 เรื่อง โดยกระทรวงแรงงานดําเนินการแล้วเสร็จในขั้นของกระทรวง ตามข้อเรียกร้องที่สําคัญ อาทิ การแก้ไข พ.ร.บ. ประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .. เพื่อแก้ไขให้สอดคล้องกับข้อเรียกร้อง ของพี่น้องแรงงาน ในประเด็น 3 ข ได้แก่ ขอเลือก กําหนดให้สามารถเลือกรับบำเหน็จ หรือบํานาญ ,ขอคืน กําหนดให้สามารถนําเงินชราภาพบางส่วนมาใช้ก่อนได้ และขอกู้ นําเงินชราภาพมาเป็นหลักค้ำประกันกับสถาบันการเงินได้ จึงได้มีการขยายอายุขั้นสูงของผู้ประกันตน มาตรา 40 รองรับกับสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย จากเดิมกําหนด อายุขั้นสูงไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ เป็นไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ รวมทั้งการเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ สําหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือมาตรา 39 สิ่งสําคัญอีกประการคือ การดูแลแรงงานนอกระบบ โดยกระทรวงแรงงานเร่งรัด พ.ร.บ. ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ พ.ศ. .. เพื่อยกระดับ คุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่แรงงานนอกระบบให้สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในการประกอบอาชีพ ได้รับการคุ้มครอง นอกเหนือจากข้อเรียกร้องวันแรงงานในปีนี้มี 8 ข้อ แล้ว

         กระทรวงแรงงาน ยังมีมาตรการที่ให้ความช่วยเหลือ พี่น้องผู้ใช้แรงงานในวิกฤตการระบาดโรคโควิด -19 เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ผ่านโครงการที่สำคัญ อาทิ เยียวยาจากการขาดรายได้ เพิ่มมาตรการลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มรายรับให้พี่น้องผู้ใช้แรงงาน ได้แก่โครงการ ม33เรารักกัน คนละ 6,000 บาท ผู้ประกันตนได้รับสิทธิกว่า 8 ล้านราย โครงการเยียวยานายจ้าง และผู้ประกันตนมาตรา 33, 39 และ 40 ในพื้นที่ 29 จังหวัด เยียวยานายจ้าง 192,911 ราย ผู้ประกันตน ม.33, ม.39 และ ม.40 รวมกว่า 12 ล้านราย และโครงการเยียวยาผู้ประกันตนในกิจการสถานบันเทิงและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ทํางาน เกี่ยวข้องกับสถาบันเทิงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ผู้ประกันตนมาตรา 33, 39 และ 40 ในพื้นที่ทั่วประเทศ รายละ 5,000 บาท จำนวน 147,714 ราย

         การเปิดจุดตรวจโควิด -19 ทั้งแบบประจําจุดและแบบเชิงรุกในโรงงานในพื้นที่ 23 จังหวัด การจัดหาเตียงในลักษณะ Hospitel ไว้กว่า 48,000 เตียง เพื่อรองรับพี่น้องผู้ใช้แรงงานที่ป่วยจากโรคโควิด -19 การผลักดันโควตาวัคซีนป้องการโควิด -19 สําหรับพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ไปแล้วกว่า 4 ล้านโดส

         นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานได้จัดทําโครงการ Factory Sandbox มุ่งเป้าไปที่ภาคการผลิตส่งออกสําคัญ มีผู้ใช้แรงงานเข้าร่วมกว่า 4 แสนคน ประสบความสำเร็จทําให้โรงงานไม่ต้องปิดตัวลงส่งผล ให้การส่งออกปี 2564 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี

 


 
ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220501113912047