นายกรัฐมนตรี แนะนำปรับรูปแบบการรักษาให้เร็วขึ้น ลดจำนวนผู้ป่วยหนักให้น้อยลง

นายกรัฐมนตรี แนะนำปรับรูปแบบการรักษาให้เร็วขึ้น ลดจำนวนผู้ป่วยหนักให้น้อยลง

           นายกรัฐมนตรี แนะนำกระทรวงสาธารณสุข ปรับรูปแบบการรักษาให้เร็วขึ้น เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยหนักให้น้อยลง รวมถึงเร่งฉีดวัคซีนให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม 608 หากถึงกำหนดฉีดเข็มกระตุ้นต้องไปฉีด เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นและป้องกันเชื้อได้ ซึ่งสถานการณ์การระบาดโควิด19 ในประเทศรอบนี้ อาจจะขึ้นสูงสุดช่วงหลังวันที่ 12 สิงหาคม นี้ แต่เชื่อว่าระดับความรุนแรงยังอยู่ที่ระดับ 2 เป็นสีเขียว เนื่องจากคนไทยมีความคุ้นเคยเข้าใจวิธีการป้องกัน ดูแลตนเองหลังจากมีประสบการณ์เผชิญกับโควิด19 ตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา



           วันนี้ (16 กรกฎาคม 2565) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แนะกระทรวงสาธารณสุข ปรับรูปแบบการรักษาให้เร็วขึ้น เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยหนักให้น้อยลง รวมถึงเร่งฉีดวัคซีนให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม 608 หากถึงกำหนดฉีดเข็มกระตุ้นต้องไปฉีด เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นและป้องกันเชื้อได้

           โดยกระทรวงสาธารณสุขคาดการณ์ว่า สถานการณ์การระบาดโควิด19 ในประเทศรอบนี้ อาจจะขึ้นสูงสุดช่วงหลังวันที่ 12 สิงหาคม นี้ แต่เชื่อว่าระดับความรุนแรงยังอยู่ที่ระดับ 2 เป็นสีเขียว เนื่องจากคนไทยมีความคุ้นเคยเข้าใจวิธีการป้องกัน ดูแลตนเองหลังจากมีประสบการณ์เผชิญกับโควิด19 ตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งการสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี โดยให้ปิดจมูกและคลุมใต้คาง แนบกระชับกับใบหน้า เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ รวมทั้งการเดินทางในรอบหยุดยาวนี้ ประชาชนยังคงมาตรการป้องกันส่วนบุคคลค่อนข้างดี และมาตรการต่างๆ ของการคมนาคมขนส่งสาธารณะยังคงความเข้มข้น

           สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 วันนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) จำนวน 2,025 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 2,023 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 2 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,333,566 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้าน 2,181 ราย หายป่วยสะสม 2,333,662 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 23,867 ราย เสียชีวิต 20 ราย จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 785 ราย



ที่มา : https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/39/iid/107545