ข่าวสารกิจกรรม, ข่าวไวรัสโควิด-19
กรมอนามัย แนะนำสถานดูแลผู้สูงอายุคุมเข้มความปลอดภัย ลดสูงวัยเสี่ยงโควิด19
กรมอนามัย แนะนำสถานดูแลผู้สูงอายุคุมเข้มความปลอดภัย เนื่องจากผู้สูงอายุส่วนใหญ่ มีโรคประจำตัว หากพบมีผู้ติดเชื้อ ต้องแยกออกจากที่พักทันที เพราะหากอยู่รวมกันหวั่นเกิดการระบาด พร้อมย้ำผู้ดูแล ต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดและแพร่เชื้อโควิด19
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากกรณีการนำเสนอข่าว พบผู้ติดเชื้อที่สถานสงเคราะห์คนชราบ้านภูเก็ต จำนวนรวม 23 ราย โดยได้นำส่งโรงพยาบาลถลางเพื่อรักษาตัวนั้น สำหรับสถานดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่อื่น ๆ หากพบผู้ติดเชื้อ ควรให้ผู้สูงอายุที่ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษา และกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงให้กักตัวเพื่อป้องกันการระบาดของโรค โดยขอความร่วมมือสถานดูแลผู้สูงอายุทุกแห่งประเมินตนเอง ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขโดยใช้แพลตฟอร์ม Thai Stop COVID 2 Plus ซึ่งเป็นข้อแนะนำทางด้านสาธารณสุขในการป้องกันการแพร่ระบาด ประกอบด้วยมาตรการ และแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการ ผู้ปฏิบัติงานและแนวทางการปฏิบัติกรณีพบผู้ติดเชื้อ ส่วนผู้ดูแลผู้ป่วย ถ้าอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงหรือติดเชื้อ ต้องงดเข้าใกล้ หรือดูแลผู้สูงอายุโดยเด็ดขาด ซึ่งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 ในผู้สูงอายุ นับเป็นหนึ่งกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากส่วนใหญ่ มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคระบบทางเดินหายใจ ทำให้เสี่ยงมีอาการรุนแรงมากกว่ากลุ่มวัยอื่น
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า การปฏิบัติเพื่อป้องกันโควิด19 ต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดในทุกด้าน ตั้งแต่
- จัดให้มีจุดคัดกรองสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ผู้มาติดต่อและญาติ
- ทำความสะอาดจุด หรือบริเวณที่ใช้ร่วมกัน โดยเน้นที่จุดเสี่ยงต่าง ๆ ได้แก่ โถส้วม ที่กดชักโครกหรือโถปัสสาวะ สายฉีดชำระ กลอนหรือลูกบิดประตู ฝารองนั่ง
- จัดให้มีภาชนะรองรับมูลฝอยที่เกิดจากการดูแล หรือให้การพยาบาลผู้สูงอายุที่มีฝาปิดมิดชิด
- โรงครัวหรือโรงอาหาร ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลอาหาร และล้างมืออย่างสม่ำเสมอด้วยสบู่และน้ำก่อนหยิบหรือจับอาหาร สวมหน้ากากขณะปฏิบัติงาน
- จัดให้มีภาชนะและของใช้ส่วนตัวสำหรับผู้สูงอายุ
- งดหรือหลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมที่มีการชุมนุมของผู้สูงอายุ ในกรณีที่มีการรับบริจาคเงินควรบริจาคผ่านระบบออนไลน์ เพื่อเป็นการลดการแพร่และกระจายเชื้อโควิด19
“นอกจากนี้ ผู้ปฏิบัติงานและเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุควรหมั่นทำความสะอาดเตียงนอน เครื่องใช้ ราวจับ อุปกรณ์ช่วยเดินอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยน้ำยาทำความสะอาด เข้มงวดเรื่องการคัดกรองผู้ปฏิบัติงาน และผู้มาติดต่อ โดยใช้ระบบประเมินตนเองผ่านระบบ “ไทยเซฟไทย” ก่อนเข้าปฏิบัติงาน เพื่อประเมินความเสี่ยงรายบุคคล ส่วนการให้บริการต้องดูแลตามมาตรฐานการดูแลผู้สูงอายุ ควบคู่กับการดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นสังเกตตนเอง หากพบว่ามีความเสี่ยง ให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK ทันที” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ที่มา : https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/02/176864/