ต้องรู้!! กฎหมายจราจรใหม่เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน
- ปรับกฎหมายจราจรฉบับใหม่ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565
- มีผลพร้อมกันทั่วประเทศ 5 กันยายน 2565
- โดยในห้วง 3 เดือนแรกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะยังใช้เกณฑ์ค่าปรับใบสั่งจราจรตามกฎหมายเดิมไปพลางก่อน
- ตาม ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบสำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 พ.ศ. 2563
- เช่น ข้อหาขับรถเร็วเกินกำหนด ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง แม้โทษสูงสุดตามกฎหมายใหม่จะปรับได้ถึง 4,000 บาท
- แต่ค่าปรับตามใบสั่งจะกำหนดไว้ที่ 500 บาท เพื่อให้เวลาประชาชนได้ปรับตัวและปฏิบัติตามกฎจราจรได้อย่างถูกต้อง
ข้อหาที่เป็นปัจจัยต่อการเกิดอุบัติเหตุ เสี่ยงต่อการสูญเสียของผู้ขับขี่ และผู้ใช้ทาง
เพิ่มอัตราโทษปรับความผิดตามกฎหมายจราจร ในข้อหาที่เป็นปัจจัยต่อการเกิดอุบัติเหตุ เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการสูญเสียของผู้ขับขี่ และผู้ใช้ทาง มีผลพร้อมกันทั่วประเทศ 5 กันยายน 2565
- ขับรถเร็วเกินกำหนด ปรับไม่เกิน 4,000 บาท
- ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง ปรับไม่เกิน 4,000 บาท
- ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย ปรับไม่เกิน 4,000 บาท
- ขับรถย้อนศร ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
- จอดรถในที่ห้ามจอด ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
- ไม่สวมหมวกนิรภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
- ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
- ขับขี่โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เพิ่มโทษ แว้น ซิ่ง แข่งรถในทาง
“ความผิดฐานพยายามแข่งรถ” กำหนดเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ร่วมกลุ่มหรือมั่วสุมในทางหรือสาธารณสถานใกล้ทาง พร้อมด้วยรถตั้งแต่ 5 คันขึ้นไป หากมีเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
- นัดหมายเพื่อแข่งรถกันมาก่อน
- รถที่รวมกลุ่มมีการดัดแปลง/ปรับแต่งรถที่มีสภาพไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
- มีพฤติการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดอันแสดงให้เห็นว่าจะทำการแข่งรถในทาง
ถือว่า “พยายามแข่งรถในทาง” ต้องระวางโทษ 2 ใน 3 ของความผิดฐานแข่งรถในทาง (การแข่งรถในทาง ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
“เพิ่มโทษสำหรับผู้จัด ชักชวน” และกำหนดโทษใหม่สำหรับผู้โฆษณา ประกาศ ชักชวน ให้มีการแข่งรถ โดยอัตราโทษเดิม จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 – 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพิ่มเป็นโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 10,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“กำหนดโทษใหม่สำหรับร้านรับแต่งรถ” เมื่อรถนั้นถูกนำไปใช้แข่งรถในทาง ต้องรับโทษในฐานะผู้สนับสนุน คือ ต้องระวางโทษ 2 ใน 3 ของความผิดฐานแข่งรถในทาง (การแข่งรถในทางระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
เพิ่มโทษเมาแล้วขับ ทำผิดซ้ำเจอโทษหนัก!!
เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน ลดการเกิดความสูญเสียจากอุบัติเหตุเนื่องจาก “เมาแล้วขับ” กฎหมายใหม่เพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่กระทำผิดซ้ำข้อหาเมาแล้วขับ
- กระทำผิดครั้งแรกจะมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000.-บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- หากทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี นับแต่วันที่กระทำความผิดครั้งแรก เพิ่มอัตราโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับ 50,000 – 100,000.-บาท
ทั้งนี้ ศาลจะลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ (มาตรา 160 ตรี/1 และมาตรา 160 ตรี/3)
การรัดเข็มขัดนิรภัย
แนวทางปฏิบัติตามกฎหมายจราจรทางบกฉบับใหม่ ว่าด้วยการรัดเข็มขัดนิรภัย คือ
- รถที่ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยได้ ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถตู้
- สำหรับรถกระบะ ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารที่นั่งตอนหน้า ต้องรัดเข็มขัดนิรภัย
- กรณีเป็นรถกระบะสองตอน (4ประตู) ผู้โดยสารตอนหลัง ต้องรัดเข็มขัดนิรภัย ด้วย
- หากฝ่าฝืนไม่รัดเข็มขัด ตามกำหนดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
- สำหรับการนั่งบริเวณแคป หรือนั่งท้ายกระบะ สามารถนั่งได้โดยไม่ต้องรัดเข็มขัดนิรภัย แต่ต้องนั่งไม่เกินจำนวนที่กำหนดในลักษณะที่ปลอดภัย และผู้ขับขี่ต้องขับขี่ด้วยความเร็วตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติประกาศกำหนด
** ประกาศกำหนดดังกล่าว อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 4 ธันวาคม 2565 **
สำหรับเรื่องที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี หรือคาร์ซี สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับ กรมการขนส่งทางบก สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคีเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนนประชุมเพื่อกำหนดมาตรฐาน/ลดอัตราภาษีของที่นั่งนิรภัย และวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่ไม่สามารถใช้ที่นั่งนิรภัยได้ เพื่อจัดทำประกาศเรื่องการใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กให้แล้วเสร็จภายใน 4 ธันวาคม 2565
เรื่องที่นั่งนิรภัยนี้ยังไม่เริ่มบังคับใช้ในวันที่ 5 กันยายน 2565 แต่จะบังคับใช้เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดทำประกาศและลงประกาศให้ประชาชนทราบในราชกิจจานุเบกษา ต่อไป อย่างไรก็ตามการออกประกาศนั้นผ่านการรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน และต้องทำอย่างรอบคอบ