กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เตรียมพร้อมห้องปฏิบัติการ “ตรวจเชื้อไวรัสอีโบลา”

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เตรียมพร้อมห้องปฏิบัติการ “ตรวจเชื้อไวรัสอีโบลา”

            กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เตรียมพร้อมห้องปฏิบัติการ “ตรวจเชื้อไวรัสอีโบลา” โดยได้จัดทำคู่มือการตรวจวิเคราะห์และจัดการสิ่งส่งตรวจจากผู้ป่วยสงสัยโรคติดเชื้ออีโบลา มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลและห้องปฏิบัติการอ้างอิงใช้เป็นคู่มือในการเตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการ เนื้อหามีทั้งวิธีการตรวจวิเคราะห์และรายการทดสอบของงานประจำห้องปฏิบัติการโรงพยาบาล วิธีการเก็บ วิธีการนำส่งตัวอย่าง และการวิเคราะห์เชื้ออีโบลาสำหรับห้องปฏิบัติการอ้างอิง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อห้องปฏิบัติการโรงพยาบาล ห้องปฏิบัติการอ้างอิงและบุคลากรสาธารณสุขที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะนำไปปฏิบัติ โดยสามารถดูรายละเอียดได้จากเว็บไซต์สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ http://nih.dmsc.moph.go.th/login/filedata/ebola_prove_manual.pdf”



            นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงกรณีที่องค์การอนามัยโลก เปิดเผยข้อมูลการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในประเทศยูกันดาว่า การระบาดในครั้งนี้ ถึงแม้จำนวนผู้ป่วยยังไม่มาก แต่เป็นที่จับตาอย่างใกล้ชิด โดยมีการยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมการระบาดในประเทศยูกันดาอย่างเข้มข้น ซึ่งองค์การอนามัยโลก ยังไม่ได้ประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC)

สำหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข โดย กรมควบคุมโรค ได้ยกระดับมาตรการป้องกันที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ โดยดำเนินการตรวจคัดกรองผู้เดินทางมาจากประเทศยูกันดาทุกรายจะต้องได้รับการคัดกรองสุขภาพ และลงทะเบียน ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศก่อนเข้าประเทศไทย

            นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวว่า ในส่วนของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการอ้างอิงของประเทศด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข มีหน้าที่ยืนยันสาเหตุและสถานการณ์ของโรคที่เป็นปัญหาด้านสาธารณสุข และเตรียมความพร้อมการตรวจวิเคราะห์เชื้ออีโบลาทางห้องปฏิบัติการ ด้วยเทคนิคทางอณูชีววิทยา ที่มีความไวและความจำเพาะสูง สามารถทราบผลภายใน 8 ชั่วโมง ช่วยให้การควบคุมโรคและการรักษาผู้ป่วยได้ทันเวลา มีห้องปฏิบัติการชีวนิรภัย ระดับ 3 สำหรับการปฏิบัติงานกับเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคที่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต ที่ออกแบบพิเศษ ทำให้ความดันภายในห้องปฏิบัติการน้อยกว่าความดันภายนอก กรองอากาศเข้า-ออก เน้นการป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อไม่ให้หลุดออกมาสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก บุคลากรมีความพร้อมรับสถานการณ์การระบาดตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการชีวนิรภัย ระดับ 3 ผ่านการฝึกอบรมความปลอดภัยทางห้องปฏิบัติการ และมีความชำนาญในการตรวจวิเคราะห์เป็นอย่างดี รวมถึงบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการขนส่งตัวอย่างตรวจได้ผ่านการฝึกอบรมเรื่องความปลอดภัย มีการสวมอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ และสามารถทำลายเชื้อหากเกิดการปนเปื้อนระหว่างการขนส่ง

            “นอกจากนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้จัดทำคู่มือการตรวจวิเคราะห์และจัดการสิ่งส่งตรวจจากผู้ป่วยสงสัยโรคติดเชื้ออีโบลา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลและห้องปฏิบัติการอ้างอิงใช้เป็นคู่มือในการเตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการ เนื้อหามีทั้งวิธีการตรวจวิเคราะห์และรายการทดสอบของงานประจำห้องปฏิบัติการโรงพยาบาล วิธีการเก็บ วิธีการนำส่งตัวอย่าง และการวิเคราะห์เชื้ออีโบลาสำหรับห้องปฏิบัติการอ้างอิง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อห้องปฏิบัติการโรงพยาบาล ห้องปฏิบัติการอ้างอิงและบุคลากรสาธารณสุขที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะนำไปปฏิบัติ โดยสามารถดูรายละเอียดได้จากเว็บไซต์สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ http://nih.dmsc.moph.go.th/login/filedata/ebola_prove_manual.pdf” นายแพทย์ศุภกิจ กล่าว



ที่มา : https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/02/180791/