กพอ. เร่งพัฒนาโครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก

กพอ. เร่งพัฒนาโครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก

             รัฐบาล เร่งผลักดันโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานหลักสำคัญของ EEC เพื่อยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลัก แห่งที่ 3 เชื่อมสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ด้วยรถไฟความเร็วสูง ทำให้ทั้ง 3 สนามบินสามารถรองรับผู้โดยสารรวมกันได้มากถึง 200 ล้านคนต่อปี ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และเป็นศูนย์กลางของมหานครการบินภาคตะวันออก รวมถึงเป็นเมืองท่าที่สำคัญ เชื่อมโยงขยายกรุงเทพไปทางตะวันออก ทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ



             น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้เร่งผลักดันโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานหลักสำคัญของ EEC เพื่อยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลัก แห่งที่ 3 เชื่อมสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ด้วยรถไฟความเร็วสูง ทำให้ทั้ง 3 สนามบินสามารถรองรับผู้โดยสารรวมกันได้มากถึง 200 ล้านคนต่อปี ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และเป็นศูนย์กลางของมหานครการบินภาคตะวันออก รวมถึงเป็นเมืองท่าที่สำคัญ เชื่อมโยงขยายกรุงเทพไปทางตะวันออก ทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ

             ล่าสุดที่ประชุมกพอ.รับทราบและพิจารณาความก้าวหน้าของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก หลังจากเอกชนคู่สัญญา และกองทัพเรือ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงการใช้สนามบินอู่ตะเภาร่วมกัน และรายงาน EHIA ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี โดยได้แจ้งให้เอกชนรับสิทธิตามสัญญาแล้ว เพื่อให้เอกชนเริ่มงานก่อสร้างได้ในช่วงต้นปี 2566

             ทั้งนี้สนามบินอู่ตะเภาตั้งเป้าหมายให้รองรับผู้โดยสารสูงสุดได้ไม่ต่ำกว่า 60 ล้านคนต่อปี ที่สำคัญประโยชน์ของโครงการนี้จะสร้างผลตอบแทนด้านการเงินจากค่าเช่าที่ดิน ส่วนแบ่งรายได้ มูลค่าปัจจุบัน 305,555 ล้านบาท มีรายได้จากภาษีอากร 62,000 ล้านบาท มีการจ้างงาน 15,600 ตำแหน่งต่อปี ในระยะ 5 ปีแรก เพิ่มเทคโนโลยี และพัฒนาทักษะแรงงานด้านธุรกิจการบิน และธุรกิจเชื่อมโยง และเมื่อสิ้นสุดสัญญาทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของรัฐ



ที่มา : https://bit.ly/3XJeCW7