สธ. กำชับ EOC 8 จังหวัดภาคเหนือ เกาะติดสถานการณ์และปรับมาตรการรับมือตามค่าฝุ่น
กระทรวงสาธารณสุข สั่งการสำนักงานสาธารณสุข 8 จังหวัดภาคเหนือ ที่มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานต่อเนื่อง เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์ฯ เกาะติดสถานการณ์รายวัน เพื่อปรับมาตรการรับมือให้ทันสถานการณ์ โดยสั่งการให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (EOC) และติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องทุกวัน พร้อมประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับมาตรการในการดูแลสุขภาพประชาชนให้ทันสถานการณ์ สื่อสารให้คำแนะนำแก่ประชาชนในการดูแลตนเอง เช่น การสวมหน้ากากอนามัย รวมทั้งเร่งประสานการจัดทำห้องปลอดฝุ่น (Clean Room) ในสถานบริการสาธารณสุข โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก และสถานดูแลผู้สูงอายุ โดยให้ อสม.ลงพื้นที่สำรวจกลุ่มเสี่ยงสูง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง ผู้ป่วยติดเตียง หากจำเป็นให้เคลื่อนย้ายมาพักในห้องปลอดฝุ่น
วันนี้ (29 มีนาคม 2566) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมผ่านระบบทางไกลติดตามสถานการณ์และการดำเนินงาน กรณีหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) โดยมีผู้เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขตสุขภาพที่ 1 สาธารณสุขนิเทศก์เขตสุขภาพที่ 1 ผู้แทนกรม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ น่าน พะเยา และแม่ฮ่องสอน และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จะแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา โดยข้อมูลล่าสุด สถานการณ์ในพื้นที่ภาคเหนือดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงมีค่าเกินมาตรฐานและอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในจังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน น่าน และเชียงใหม่ และคาดการณ์ว่าสถานการณ์จะยังอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพต่อเนื่องไปจนถึงต้นเดือนเมษายน และค่อยลดระดับลงจนเข้าสู่ภาวะปกติช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งจากการเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพ พบว่าผู้ป่วยจากการได้รับฝุ่น PM 2.5 ที่มีอาการเล็กน้อย เช่น ระคายเคืองตา แสบจมูก คัดจมูก อาการทางผิวหนัง มีจำนวนเพิ่มขึ้น ส่วนผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ได้รับผลกระทบจนอาการรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เช่น ผู้ป่วยหอบหืด ยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
นายแพทย์โอภาสกล่าวต่อว่า พื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือซึ่งขณะนี้ได้รับผลกระทบสูงสุด ได้สั่งการให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (EOC) และติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องทุกวัน พร้อมประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับมาตรการในการดูแลสุขภาพประชาชนให้ทันสถานการณ์ สื่อสารให้คำแนะนำแก่ประชาชนในการดูแลตนเอง เช่น การสวมหน้ากากอนามัย รวมทั้งเร่งประสานการจัดทำห้องปลอดฝุ่น (Clean Room) ในสถานบริการสาธารณสุข โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก และสถานดูแลผู้สูงอายุ โดยให้ อสม.ลงพื้นที่สำรวจกลุ่มเสี่ยงสูง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง ผู้ป่วยติดเตียง หากจำเป็นให้เคลื่อนย้ายมาพักในห้องปลอดฝุ่น
นอกจากนี้ ให้หน่วยงานในพื้นที่สำรวจความต้องการเวชภัณฑ์ ยา ที่จำเป็นสำหรับดูแลผู้ป่วย และหน่วยงานส่วนกลางจัดเตรียมเพิ่มเติมเพื่อให้การสนับสนุน ส่วนกรมควบคุมโรคและกรมอนามัย ให้ร่วมกันกำหนดแนวทางในการดำเนินการตามประเด็นกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบ รวมทั้งออกคำแนะนำการจัดทำห้องปลอดฝุ่นที่ได้มาตรฐาน ให้หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งประชาชนได้นำไปดำเนินการเพื่อช่วยเพิ่มห้องปลอดฝุ่นให้เร็วขึ้นด้วย
ที่มา : https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/04/188881/
