กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ผลักดันส่งออกกล้วยหอมทองไปตลาดญี่ปุ่น มั่นใจผลไม้ไทยมีคุณภาพ แข่งขันได้ในตลาดโลก
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ผลักดันส่งออกกล้วยหอมทองไปตลาดญี่ปุ่น มั่นใจผลไม้ไทยมีคุณภาพ แข่งขันได้ในตลาดโลก เนื่องจากไทยกับประเทศญี่ปุ่น มีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น หรือ JTEPA ซึ่งให้สิทธิพิเศษการยกเว้นภาษีนำเข้ากล้วยจากประเทศไทย เป็นจำนวน 8,000 ตันต่อปี แต่ที่ผ่านมาไทยยังใช้โควตาดังกล่าวไม่เกิน 3,000 ตันต่อปีเท่านั้น จึงยังเหลือโควตาไม่เสียภาษีอีกถึง 5,000 ตัน ได้จัดกิจกรรมเพื่อเปิดตลาดกล้วยหอมไทย พร้อมนำผู้นำเข้าชาวญี่ปุ่นลงพื้นที่ดูแปลงเพาะปลูกกล้วยในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อเยี่ยมชมการบริหารจัดการและพูดคุยกับเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยในพื้นที่ ส่งผลให้ผู้ซื้อชาวญี่ปุ่นได้วางแผนเตรียมนำเข้ากล้วยหอมจากประเทศไทย
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดกิจกรรมเพื่อเปิดตลาดกล้วยหอมไทย พร้อมนำผู้นำเข้าชาวญี่ปุ่นลงพื้นที่ดูแปลงเพาะปลูกกล้วยในจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา เพื่อเยี่ยมชมการบริหารจัดการและพูดคุยกับเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยในพื้นที่ ส่งผลให้ผู้ซื้อชาวญี่ปุ่นได้วางแผนเตรียมนำเข้ากล้วยหอมจากประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกถึง 5,000 ตัน
ทั้งนี้ เนื่องจากไทยกับประเทศญี่ปุ่น มีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น หรือ JTEPA ซึ่งให้สิทธิพิเศษการยกเว้นภาษีนำเข้ากล้วยจากประเทศไทย เป็นจำนวน 8,000 ตันต่อปี แต่ที่ผ่านมาไทยยังใช้โควตาดังกล่าวไม่เกิน 3,000 ตันต่อปีเท่านั้น จึงยังเหลือโควตาไม่เสียภาษีอีกถึง 5,000 ตัน
นอกจากนี้ ในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2023 ในเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ยังได้จัดกิจกรรมการพบปะเจรจาการค้าระหว่างบริษัทผู้นำเข้าญี่ปุ่นรวม 10 บริษัท และผู้ส่งออกไทยรวม 23 บริษัท 38 ราย ซึ่งคาดว่ากล้วยและผลิตภัณฑ์กล้วยแปรรูปของไทยได้รับความสนใจสั่งซื้อเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท กรมฯ จึงได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ เร่งรัดการซื้อขายดังกล่าวเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
นายภูสิต กล่าวว่า ญี่ปุ่นให้ความสนใจกล้วย จากประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะมีรสชาติอร่อยกว่ากล้วยหอมเขียวที่วางขายอยู่ในตลาด จึงมั่นใจว่ากล้วยไทย จะสามารถเข้าไปทำตลาดญี่ปุ่นได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ จากความสำเร็จในการผลักดันกล้วยจำนวน 5,000 ตัน ประกอบกับยอดสั่งซื้อมังคุดจากนครศรีธรรมราชเพื่อไปเปิดตลาดญี่ปุ่น อีกจำนวน 300 ตันแรก ก่อนหน้านี้ คาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าส่งออกได้ทันทีไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท และจะช่วยให้ผลไม้ไทยลดการพึ่งพิงตลาดหลักในจีน รวมทั้งจะช่วยให้ผลไม้ไทยมีระดับราคาที่ดีและนำไปสู่ความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยที่ดีขึ้น
ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230721140609586
