กรมทรัพย์สินทางปัญญา แนะนำการจดสิทธิบัตรเพื่อการคุ้มครองสูตรอาหาร

กรมทรัพย์สินทางปัญญา แนะนำการจดสิทธิบัตรเพื่อการคุ้มครองสูตรอาหาร


        คิดค้นอาหารเมนูใหม่ๆ ได้ ทำอย่างไรไม่ให้คนอื่นลอกเลียน ไม่ว่าจะเป็นสูตรน้ำยำรสแซ่บ ซอสรสเด็ด เคล็ดลับหมักหมูนุ่ม ไปจนถึงรูปร่างของอาหาร นอกจากการเก็บรักษาสูตรเด็ดไว้เป็นเคล็ดลับประจำตระกูลแล้วการปกป้องสิทธิในสูตรอาหารหรือกรรมวิธีการผลิตอาจทำได้โดยการขอรับความคุ้มครอง สิทธิบัตรการประดิษฐ์ อนุสิทธิบัตร และนอกจากสูตรอาหารหรือกรรมวิธีแล้ว “รูปร่าง” ของอาหาร เช่น ช๊อกโกแลต วุ้น ไอศกรีม คุ๊กกี้ ลูกชิ้น ฯลฯ ยังสามารถขอรับความคุ้มครองสิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์ได้อีกด้วย

        สิทธิบัตรการประดิษฐ์และอนุสิทธิบัตรนั้น ให้ความคุ้มครองใน “ผลิตภัณฑ์” เช่น สูตรอาหาร (องค์ประกอบ สัดส่วน ปริมาณ) หรือ “กรรมวิธี” เช่น การผลิตอาหาร ขั้นตอนการปรุงอาหาร กรรมวิธีการถนอมอาหาร โดยมีข้อแม้ว่า ต้องเป็นสูตรหรือกรรมวิธีที่ถูกคิดค้นขึ้นใหม่ ไม่สามารถคาดเดาถึงผลลัพธ์ได้โดยง่าย และมีความสามารถในการประยุกต์ทางอุตสาหกรรม (ทำซ้ำได้)

        ในขณะที่สิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ความคุ้มครอง “รูปร่าง” ภายนอกของแบบผลิตภัณฑ์หรือองค์ประกอบของลวดลายหรือสีของแบบผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างไปจากที่มีอยู่แล้ว อาจเป็นได้ทั้ง รูปร่างของอาหารหรือบรรจุภัณฑ์

        ทั้งนี้ เมื่อสูตร กรรมวิธี หรือรูปร่าง/ลวดลายได้รับความคุ้มครองแล้ว เจ้าของจะเป็นผู้มี “สิทธิแต่เพียงผู้เดียว” ในสิ่งที่ได้รับความคุ้มครองนั้น ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หากใครต้องการใช้สูตร กรรมวิธี หรือรูปร่าง/ลวดลาย ต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าของสิทธิก่อน

        อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นอาหารชนิดเดียวกัน แต่หากมีปริมาณหรือส่วนผสมสูตร กรรมวิธี หรือรูปร่าง/ลวดลายไม่เหมือนกัน ผู้อื่นก็อาจยื่นขอรับความคุ้มครองในสูตรสิ่งที่แตกต่างออกไปซึ่งถูกคิดค้นขึ้นใหม่ได้

        นอกจากนี้ไม่ว่าจะเป็นสิทธิบัตรการประดิษฐ์ หรืออนุสิทธิบัตร ผู้เป็นเจ้าของสิทธิจะต้องเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสูตร กรรมวิธี โดยชัดแจ้ง
(ใส่อะไรบ้าง ในปริมาณเท่าไหร่ ทำอย่างไร) ต่อสาธารณชนเพื่อให้เกิดการพัฒนาของเทคโนโลยีไปอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของสิทธิบัตรการออกแบบฯ เจ้าของสิทธิต้องแสดงรูปร่างของผลิตภัณฑ์อาหารโดยชัดแจ้งด้วยเช่นกัน

        นอกจากการขอรับความคุ้มครองในสิทธิบัตรการประดิษฐ์ หรืออนุสิทธิบัตรแล้ว เจ้าของสูตรอาจเก็บเป็น “ความลับทางการค้า” ซึ่งมักใช้กับสูตรหรือตำรับที่ผู้อื่นทำตามได้ยาก เช่น สูตรส่วนผสมของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือน้ำอัดลม เป็นต้น

        การจดสิทธิบัตร หรือการเก็บเป็นความลับทางการค้า ล้วนมีข้อดี – ข้อเสีย ที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นผู้ประกอบการควรพิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องอย่างถี่ถ้วน ทั้งสิทธิตามกฎหมาย ระยะเวลาการคุ้มครอง ความเสี่ยงจากการเปิดเผยข้อมูล เพื่อเลือกทางที่เหมาะกับการดำเนินธุรกิจ

 


ที่มา : https://shorturl.asia/4jIdu