ไปรษณีย์ไทย แนะนำ 5 STEP ส่งของไปต่างประเทศสุดง่าย ด้วยบริการ COURIER LITE

ไปรษณีย์ไทย แนะนำ 5 STEP ส่งของไปต่างประเทศสุดง่าย ด้วยบริการ COURIER LITE

             บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด แนะนำ 5 STEP ส่งของไปต่างประเทศสุดง่าย ด้วยบริการ COURIER LITE โดยเวลาจะส่งของไปต่างประเทศ ตัวเลือกแรกๆ ที่คนมักจะนึกถึงคือ ไปรษณีย์ไทย ซึ่งมีหลายบริการให้เลือกใช้ หนึ่งในนั้นก็คือ Courier Lite เป็นบริการขนส่งสินค้าไปต่างประเทศ ที่เน้นการส่งอาหารแห้ง อาหารแปรรูป เครื่องปรุงรส เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง โดยสามารถจัดส่งไปต่างประเทศได้มากถึง 33 ปลายทาง (สหรัฐอเมริกา อังกฤษ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศยุโรปทั้งหมด) ทั้งนี้ วิธีส่งของไปต่างประเทศแบบง่ายๆ ใน 5 ขั้นตอน ด้วยบริการ Courier Lite


Step 1 : ตรวจสอบสินค้า/และประเทศที่ต้องการส่ง

  • ขั้นแรกสำหรับการฝากส่งสินค้าที่ควรให้ความสำคัญคือ การตรวจสอบสินค้าที่จะส่งนั้นเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดหรือไม่ พร้อมทั้งตรวจสอบกฎข้อห้ามการส่งสินค้าในแต่ละประเทศ ตัวอย่างเช่น ประเทศญี่ปุ่น ห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์จากนม รวมถึงธัญพืชทุกชนิดและเมล็ดผักผลไม้ กลุ่มประเทศยุโรปรวมถึงสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ห้ามนำเข้าสินค้าแปรรูปจากเนื้อสัตว์ เช่น หมูหยอง, หมูแผ่น, กุนเชียง เป็นต้น

Step 2 : จัดทำใบจ่าหน้าสินค้า

  • หลังจากตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือ การจัดทำใบจ่าหน้าพัสดุ โดยสามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ courierLite.thailandpost.com ที่สามารถกรอกข้อมูลได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีบริการเสริม ได้แก่ ออกเอกสาร FDA Prior Notice (สหรัฐอเมริกา) และบริการจัดทำใบขนส่งสินค้าขาออก
  • ข้อควรรู้ : เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการทำใบขนส่งสินค้าขาออก ได้แก่ Invoice/Packing List, หนังสือ รับรองบริษัท, สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนกรรมการ 1 ท่าน, แจ้งคำแปลสินค้าภาษาไทยแต่ละรายการ, แจ้ง HS Code ของสินค้า (หากทราบ) และรูปภาพสินค้า

Step 3 : คำนวณอัตราค่าบริการและค่าภาษีนำเข้า

  • จากนั้นให้ทำการคำนวณค่าบริการ สามารถคำนวณผ่านเว็บไซต์ courierLite.thailandpost.com ได้เช่นกัน เพียงแค่กรอกข้อมูลประเทศปลายทาง พร้อมรหัสไปรษณีย์และรายละเอียดพัสดุ มูลค่าสินค้า, จำนวน, ขนาด และน้ำหนักต่อกล่อง นอกจากนี้ ยังมีบริการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยระบบ IOSS (ยุโรป) และระบบ GB VAT (อังกฤษ) พร้อมทั้งระบบคำนวณค่าภาษีนำเข้าปลายทางแบบอัตโนมัติ ช่วยลดปัญหาสินค้าติดด่านศุลกากรขาเข้าในประเทศปลายทาง
  • ข้อควรรู้ : น้ำหนักสินค้าสูงสุดไม่เกิน 30 กิโลกรัม อัตราค่าบริการเทียบจากน้ำหนักจากการชั่งจริงและน้ำหนักที่ได้จากการคำนวณตามปริมาตร (กว้าง x ยาว x สูง หน่วยเป็นเซนติเมตร หารด้วย 5,000) โดยจะนำน้ำหนักที่สูงกว่ามาคิดเป็นค่าบริการ

Step 4 : พรินต์ใบจ่าหน้าและนำพัสดุฝากส่ง

  • การฝากส่งสินค้าสามารถทำได้ 2 วิธี คือ 1.พรินต์ใบจ่าหน้าและฝากส่งสินค้าด้วยตัวเอง ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทุกสาขา และ 2.เลือกใช้บริการ Pick Up Service ของไปรษณีย์ไทยผ่าน Line@ ThailandPost เพื่อนัดหมายการเข้าไปรับพัสดุถึงหน้าบ้าน

Step 5 : ชำระค่าบริการการฝากส่งพัสดุ

  • การชำระค่าบริการสามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ตอบโจทย์สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) โดยชำระผ่านการสแกน QR Code จากทางเจ้าหน้าที่รับฝาก พร้อมรับใบเสร็จผ่านระบบออนไลน์
  • ข้อควรรู้ : ผู้ส่งสามารถตรวจสอบและติดตามพัสดุได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านเว็บไซต์ Courier Lite และระบบ Track & Trace ผ่านแอปพลิเคชัน Track & Trace และเว็บไซต์ Thailandpost

Warning เงื่อนไขการฝากส่ง

  • ห้ามส่งสินค้าประเภทเนื้อสัตว์และอาหารสดทุกชนิด
  • สินค้าประเภทอาหาร ผู้ส่งควรใช้กล่องประเภท Double Wall ที่มีความแข็งแรงเพื่อให้สามารถวางซ้อนทับได้
  • สินค้าประเภทของเหลว ผู้ส่งควรห่อหุ้มให้แข็งแรงป้องกันการแตกหักหรือรั่วไหล
  • ระยะเวลาในการจัดส่ง 3-16 วัน (ไม่นับรวมวันที่รับฝากและไม่รวมระยะเวลาดำเนินพิธีการศุลกากร ณ ประเทศปลายทาง

        อัตราการคุ้มครองความเสียหายของกล่องพัสดุสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาท

 



ที่มา : t.ly/D8NSW