กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ตะวันออกกลางยังคงมีความน่าเป็นห่วง

กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ตะวันออกกลางยังคงมีความน่าเป็นห่วง

          กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ตะวันออกกลางยังคงมีความน่าเป็นห่วง และมีรายงานพบคนไทยที่หลบซ่อนอยู่เพิ่มเติม เบื้องต้นทางการอิสราเอลเร่งอพยพชาวต่างชาติออกจากพื้นที่



          นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงการช่วยเหลือคนไทย ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ตะวันออกกลาง ให้ถือเป็นภารกิจของชาติ ขอให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญสูงสุด ส่วนรายงานชาวไทยผู้ที่รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ยังคงเท่ากับเมื่อวานที่ผ่านมา (12 ต.ค. 66) โดยจำแนกเป็น ผู้เสียชีวิต 21 ราย ผู้บาดเจ็บ 14 คน ผู้ที่คาดว่าถูกจับไป 16 คน และมีรายงานพบคนไทยที่หลบซ่อนอยู่เพิ่มเติมอีก 2 คน โดยภาพรวมผู้กรอกแบบฟอร์มแจ้งความประสงค์ลี้ภัยกลับสู่ประเทศไทยของสถานทูต รวมกว่า 6,800 กว่าคน โดยมีการแจ้งมีความประสงค์กลับไทยเพิ่มเป็น 6,778 คน และไม่ประสงค์กลับอีก 85 คน

          เบื้องต้นเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย แจ้งว่าได้อพยพชาวต่างชาติออกจากพื้นที่บริเวณเสี่ยงภัยใกล้ฉนวนกาซา ออกสู่พื้นที่ปลอดภัยได้ร้อยละ 99 ของทั้งหมดแล้ว

          ส่วนสถานการณ์ภายในยังคงมีความรุนแรง สลับกับบางช่วงที่ระงับการโจมตีไป คาดการณ์ว่าเป็นช่วงที่กลุ่มฮามาสพยายามเตรียมการตั้งรับกรณีทางการอิสราเอลอาจบุกเข้าไปในพื้นที่ จากการที่ทางการอิสราเอลได้มีการตัดน้ำตัดไฟ และประกาศโยกย้ายประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภายใน 24 ชั่วโมง

          ทั้งนี้ทางอิสราเอลมีแผนการจัดตั้งพื้นที่อยู่อาศัยชั่วคราวสำหรับผู้อพยพบริเวณรอบนอกฉนวนกาซา ประกอบด้วย บ้าน อาคารชั่วคราว โรงเรียน ศูนย์สุขภาพต่าง ๆ ซึ่งอยู่ระหว่างกำหนดพื้นที่ที่แน่นอน

          นอกจากนี้ มีการประสานกับประเทศใกล้เคียงเพื่อจัดตั้งศูนย์พักพิงระหว่างรอเดินทางกลับประเทศไทย โดยได้ติดต่อกับประเทศจอร์แดน และประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือกรุงดูไบ โดยขอให้อนุโลมเรื่องของเอกสารไว้ก่อน รวมถึงการเดินทางทางบกและช่องทางอื่น ๆ ซึ่งอาจมีการปรับได้ตามสถานการณ์ ทั้งนี้ยังมองว่าการเดินทางโดยเครื่องบินตรงกลับไทยเลยเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

 


ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG231013170048511