กฎหมายความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ในคดีอาญา

ลักทรัพย์ = เอาไม่บอก

การลักทรัพย์

    • คือ การเอาทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไป โดยต้องการจะครอบครองทรัพย์นั้นไว้ เพื่อตนเองเอาไปขายหรือให้กับบุคคลอื่นก็ตามแต่

ผู้ที่กระทำความผิดฐานลักทรัพย์จะต้องถูกระวางโทษ

    • จำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 60,000 บาท

โทษหนักขึ้น ถ้า…

    • การลักทรัพย์นั้นถ้าผู้กระทำได้กระทำในเวลากลางคืนหรือในบริเวณที่มีเหตุเพลิงไหม้ การระเบิด หรือในบริเวณที่มีอุบัติเหตุผู้ที่เข้าไปลักทรัพย์ในบริเวณดังกล่าวจะต้องถูกระวางโทษหนักขึ้นกว่าการลักทรัพย์ในเวลา สถานที่หรือเหตุการณ์ปกติ
    • เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเหตุการณ์ หรือช่วงเวลาดังกล่าวเจ้าของทรัพย์กำลังได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถที่จะดูแลทรัพย์ของตนเองได้และการกระทำในเหตุการณ์หรือช่วงเวลาดังกล่าวเป็นการกระทำที่ซ้ำเติมเจ้าของทรัพย์ที่กำลังได้รับความเดือดร้อน

วิ่งราวทรัพย์ = เอาซึ่งหน้า

การวิ่งราวทรัพย์

    • เป็นการลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า หมายถึง เป็นการขโมยเจ้าของรู้ตัวและทรัพย์จะต้องอยู่ใกล้ชิดตัวเจ้าทรัพย์

ผู้กระทำการวิ่งราวทรัพย์จะต้องถูกระวางโทษ

    • จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท

โทษหนักขึ้น ถ้า…

    • อย่างไรก็ตามถ้าการวิ่งราวทรัพย์ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายหรือเสียชีวิต เช่น กระชากสร้อยจากเจ้าของแล้วสร้อยบาดคอเจ้าของสร้อย ผู้ที่กระทำจะต้องถูกระวางโทษหนักขึ้นด้วย

ชิงทรัพย์ = ทำร้ายแล้วเอา

ชิงทรัพย์

    • คือ การลักทรัพย์ที่ประกอบด้วยการใช้กำลังเข้าทำร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังเข้าทำร้ายในทันที ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ที่ครอบครองทรัพย์นั้นอยู่ยินยอมให้ทรัพย์ไป หรือกระทำไปเพื่อให้เกิดความสะดวกในการนำทรัพย์นั้นไป
    • เช่น ขณะที่นายเอกกำลังเดินเล่นอยู่ นาย โท ก็เข้ามาบอกให้สร้อยทองให้ถ้าไม่ให้จะทำร้ายหรือจะเอาปืนยิงให้ตายจนนายเอกต้องยอมถอดสร้อยของตนให้ เป็นต้น

มาตรา 339 ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญในทันใดนั้นว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ

(1) ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือพาทรัพย์ไป
(2) ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์
(3) ยึดทรัพย์ไว้
(4) ปกปิดการกระทำความผิดนั้น
(5) ให้พ้นจากการจับกุม

มีความผิดฐานชิงทรัพย์ : จำคุก 5 – 10 ปี และปรับ 100,000 – 200,000 บาท

ปล้นทรัพย์ = 3 คนร่วมกันเอา

การปล้นทรัพย์

    • มีลักษณะเช่นเดียวกับการชิงทรัพย์ต่างกันเพียงว่ามีผู้ร่วมชิงทรัพย์ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป

ผู้ที่กระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์จะต้องถูกระวางโทษ

    • จำคุก 10 – 15 ปี และปรับ 200,000 – 300,000 บาท

โทษหนักขึ้น ถ้า…

    • หากการปล้นทรัพย์ผู้ปล้นคนใดคนหนึ่งมีอาวุธติดตัวไปด้วย หรือในการปล้นเป็นเหตุให้เจ้าทรัพย์หรือบุคคลอื่นได้รับถูกทำร้ายหรือเสียชีวิต
    • ผู้กระทำความผิดทุกคนแม้จะไม่ได้พกอาวุธหรือร่วมทำร้ายเจ้าทรัพย์หรือบุคคลอื่น กฎหมายก็ถือว่าทุกคนมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดด้วย ซึ่งมีผลให้จะต้องรับโทษหนักขึ้นกว่าการปล้นทรัพย์โดยไม่มีอาวุธหรือไม่ได้มีการทำร้ายผู้ใด

กรรโชกทรัพย์ = ขู่จะเอา

การกรรโชกทรัพย์

    • หากจะยกตัวอย่างให้เห็นได้อย่างชัดเจนคงต้องยกตัวอย่าง กรณีที่พบเห็นได้บ่อย คือ การที่รุ่นที่บังคับเอาเงินจากรุ่นน้องหรือที่เรียกกันว่า “แก็งค์ดาวไถ่”
    • พวกแก็งดาวไถ่มักจะบังคับขู่เข็ญให้รุ่นน้องเอาเงินหรือสิ่งของที่มีค่ามาให้ ถ้าไม่เอามาให้ก็มักจะถูกขู่หรือถูกทำร้าย ทำให้ต้องยอมตามที่แก็งค์ดาวไถ่บังคับ

ผู้ที่กระทำความผิดในเรื่องนี้นั้นกฎหมายได้กำหนดโทษไว้

    • จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 1 แสนบาท

โทษหนักขึ้น ถ้า…

    • แต่ถ้าผู้ที่กระทำการกรรโชกขู่ว่าจะฆ่า ทำให้ได้รับอันตรายอย่างสาหัสหรือมีอาวุธมาขู่ด้วยก็จะได้รับโทษหนักขึ้น
    • จำคุก 6 เดือน ถึง 7 ปี และปรับ 10,000 – 140,000 บาท

ยักยอกทรัพย์ = แอบเอา

ความผิดฐานยักยอกทรัพย์

    • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 “ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต
    • ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิด

    • เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดไปด้วยประการใด หรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทำความผิดเก็บได้
    • ผู้กระทำต้องระวางโทษ : จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

องค์ประกอบภายนอก

    1. ครอบครอง
    2. ทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
    3. เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สาม

องค์ประกอบภายใน

    1. เจตนาธรรมดา
    2. เจตนาพิเศษ โดยทุจริต

ถ้าการกระทำนั้นครบทั้งองค์ประกอบภายนอกและองค์ประกอบภายในแล้ว

    • ผู้กระทำมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์

การยักยอกทรัพย์

    • เป็นกรณีที่ทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของบุคคลหนึ่ง
    • แล้วบุคคลนั้นได้ยึดเพื่อไว้เป็นประโยชน์กับตนเอง
    • ซึ่งทำให้เจ้าของทรัพย์ได้รับความเสียหาย
    • เช่น นาย ก ยืมยางลบ นาย ข ไว้ใช้ แต่เห็นว่าสวยดีจึงไม่คืน ในกรณีเช่นนี้ นาย ก มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ซึ่งจะต้องถูกระวางโทษไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข้อควรระวัง

    • สำหรับผู้ที่เก็บกระเป๋าตังค์ตกได้หรือของที่มีคนมาลืมไว้ โดยที่เจ้าของยังติดตามทรัพย์นั้นอยู่ หากนำกลับไปเพราะต้องการยึดถือไว้เองแล้วก็มีความผิดฐานลักทรัพย์ได้

รับของโจร = เอาต่อจากคนอื่น

ความผิดฐานรับของโจร

    • มาตรา 357  ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด

ถ้าความผิดนั้น

    • เข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอก หรือเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์
    • ผู้นั้นกระทำความผิดฐานรับของโจร : จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำความผิดฐานรับของโจรนั้น

    • ได้กระทำเพื่อค้ากำไรหรือได้กระทำต่อทรัพย์อันได้มาโดยการลักทรัพย์ตามมาตรา 335 (10) ชิงทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์
    • ผู้กระทำต้องระวางโทษ : จำคุก 6 เดือน – 10 ปี และปรับ 10,000 – 200,000 บาท

ถ้าการกระทำความผิดฐานรับของโจรนั้น

    • ได้กระทำต่อทรัพย์อันได้มาโดยการลักทรัพย์ตามมาตรา 335 ทวิ การชิงทรัพย์ตามมาตรา 339 ทวิ หรือการปล้นทรัพย์ตามมาตรา 340 ทวิ
    • ผู้กระทำต้องระวางโทษ : จำคุก 5 – 15 ปี และปรับ 100,000 – 300,000 บาท

องค์ประกอบความผิดฐานรับของโจร

    1. ผู้ใด
    2. ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใด
    3. ทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด ถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอก หรือเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์
    4. เจตนา (องค์ประกอบภายใน)

ความผิดฐานรับของโจร

    • เป็นความผิดที่เกื้อหนุนการกระทำความผิดฐานต่างๆ ตามที่บัญญัติไว้รวม 9 ฐานความผิด กล่าวคือ
      1. ลักทรัพย์
      2. วิ่งราวทรัพย์
      3. กรรโชก
      4. รีดเอาทรัพย์
      5. ชิงทรัพย์
      6. ปล้นทรัพย์
      7. ฉ้อโกง
      8. ยักยอก หรือ
      9. เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์
    • แต่จะมีโทษหนักกว่าความผิดฐานลักทรัพย์ ยักยอก หรือฉ้อโกง

ความผิดฐานรับของโจรมีส่วนใกล้เคียงกับความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน

    • แต่ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนั้นต้องเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการกระทำความผิดก่อนหรืออย่างช้าในขณะกระทำความผิด
    • แต่ถ้าเป็นการช่วยเหลือหรือสนับสนุนผู้กระทำความผิดในภายหลังจากการกระทำความผิดนั้นสำเร็จลงแล้ว เช่น ช่วยพาทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดไปเสีย ก็ไม่เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน แต่อาจมีความผิดฐานรับของโจรได้หากทรัพย์นั้นได้มาจากการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่งใน 9 ฐานความผิดดังกล่าวข้างต้น

รีดเอาทรัพย์ = ไม่ให้เอาจะแฉ

ความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ (Blackmail)

    • ม.338 เป็นการขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับและเมื่อเปิดเผยแล้วก็ไม่คำนึงว่าจะเสียหายต่ออะไร

ความผิดฐานรีดเอาทรัพย์มีองค์ประกอบความผิดเหมือนกับความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ทุกประการ

    • แตกต่างกันแต่เพียงในความผิดฐานรีดเอาทรัพย์เป็นการขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับ (Disclose the secret) ไม่ได้เป็นการขู่เข็ญในเรื่องทั่วๆ ไป

Disclose the secret เปิดเผยความลับ

    • ความลับ (Secret) หมายถึง ข้อเท็จจริงที่ไม่ประจักษ์แก่คนทั่วไปและเจ้าของความลับนั้นประสงค์จะปกปิดหรือให้รู้ในวงจำกัด เพราะฉะนั้นสิ่งไหนจะเป็นความลับหรือไม่ต้องพิจารณาตัวบุคคลเป็นสำคัญ เช่น การมีภริยาน้อย การเป็นหญิงขายบริการ การหลบเลี่ยงภาษี
    • โดยการเปิดเผยความลับนั้นจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหาย และผู้กระทำได้กระทำไปโดยประสงค์จะได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน

มาตรา 338 ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่น ให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน

    • โดยขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับซึ่งการเปิดเผยนั้นจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหาย จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น
    • มีความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ : จำคุก 1 – 10 ปี และปรับ 20,000 – 200,000 บาท
    • เช่น คำพิพากษาฎีกาที่ 1945/2514 จำเลยได้ขู่เข็ญข่มขืนใจโจทก์ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง ว่าจะทำอันตรายต่อชื่อเสียงของห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งนั้นซึ่งเป็นนิติบุคคล และเป็นบุคคลที่สาม และได้ขู่เข็ญข่มขืนใจโจทก์ ว่าจะเปิดเผยความลับ ซึ่งการเปิดเผยนั้น จะทำให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวเสียหาย จนโจทก์ยอมจะให้เงินแก่จำเลยตามที่ถูกขู่เข็ญ ถือได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถูกขู่เข็ญเป็นผู้เสียหาย ตามความใน ป วิ อาญา มาตรา 2 (4) มีอำนาจฟ้องคดีในความผิดฐานกรรโชกและฐานรีดเอาทรัพย์

ทำให้เสียทรัพย์ = ทำแต่ไม่เอา

ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

    • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358
      • ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
      • ต้องระวางโทษ : จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    • มาตรา 359
      • ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 358 ได้กระทำต่อ
        (1) เครื่องกลหรือเครื่องจักรที่ใช้ในการประกอบกสิกรรมหรืออุตสาหกรรม
        (2) ปศุสัตว์
        (3) ยวดยานหรือสัตว์พาหนะ ที่ใช้ในการขนส่งสาธารณ หรือในการประกอบกสิกรรม หรืออุตสาหกรรม หรือ
        (4) พืชหรือพืชผลของกสิกร
      • ผู้กระทำต้องระวางโทษ : จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    • มาตรา 360
      • ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์
      • ต้องระวางโทษ : จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    • มาตรา 360 ทวิ
      • ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ตามมาตรา 335 ทวิ วรรคหนึ่ง ที่ประดิษฐานอยู่ในสถานที่ตามมาตรา 335 ทวิ วรรคสอง
      • ต้องระวางโทษ : จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    • มาตรา 361
      • ความผิดตามมาตรา 358 และมาตรา 359 เป็นความผิดอันยอมความได้

องค์ประกอบความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ มาตรา 358

    1. ผู้ใด
    2. ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์
    3. ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
    4. เจตนา (องค์ประกอบภายใน)

ส่วนของการกระทำคือ

    1. ทำให้เสียหาย หมายถึง ทำให้ทรัพย์ชำรุด บุบสลาย หรือทำให้ทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวลง
    2. ทำลาย คือ การทำให้ทรัพย์สิ้นสภาพไปเลย
    3. ทำให้เสื่อมค่า คือ การทำให้ทรัพย์ราคาลดลง
    4. ทำให้ไร้ประโยชน์ คือ ทำให้ทรัพย์นั้นหมดประโยชน์ไป แม้เพียงชั่วคราวก็ตาม

บุกรุก = เข้าไปจะเอา

ความผิดฐานบุกรุก

    • มาตรา 362
      • ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการ ครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือเข้าไป กระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ของเขาโดยปกติสุข
      • ต้องระวางโทษ : จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    • มาตรา 363
      • ผู้ใดเพื่อถือเอาอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเป็นของตน หรือของบุคคลที่สาม ยักย้ายหรือทำลายเครื่องหมายเขตแห่ง อสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน
      • ต้องระวางโทษ : จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    • มาตรา 364
      • ผู้ใดโดยไม่มีเหตุอันสมควรเข้าไป หรือซ่อนตัวอยู่ใน เคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์หรือสำนักงานในความครอบครอง ของผู้อื่น หรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้น เมื่อผู้มีสิทธิที่จะ ห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออก
      • ต้องระวางโทษ : จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    • มาตรา 365
      • ถ้าการกระทำความผิดตาม มาตรา 362 มาตรา 363 หรือ มาตรา 364 ได้กระทำ
        (1) โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
        (2) โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคน ขึ้นไป หรือ
        (3) ในเวลากลางคืน
      • ผู้กระทำต้องระวางโทษ : จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    • มาตรา 366
      • ความผิดในหมวดนี้ นอกจากความผิดตาม มาตรา 365 เป็นความผิดอันยอมความได้