พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566
- มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป
- สาระสำคัญคือ
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกิน 1% ต่อปี
- กรณีผิดนัดชำระลดอัตราเบี้ยปรับเหลือไม่เกิน 0.5% ต่อปี
- ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันในทุกกรณี
- เพิ่มให้กู้ยืมหลักสูตรระยะสั้น เพื่อ Reskill Upskill
- เปลี่ยนลำดับตัดชำระจากเดิม เป็นตัดต้นเงินเฉพาะส่วนที่ครบกำหนด ดอกเบี้ย และเบี้ยปรับตามลำดับ
การดำเนินการของ กยศ.
- ขณะนี้มีการประกาศกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว
- ต่อไปจะเร่งรัดให้มีการคำนวณภาระหนี้ใหม่ (recalculation) ให้กับผู้กู้ กยศ.ทุกรายนับตั้งแต่ที่กฎหมายบังคับใช้ ปัจจุบันมีผู้กู้ กยศ.ที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้ 3.5 ล้านราย คิดเป็นมูลหนี้กว่า 4 แสนล้านบาท
- จะเร่งดำเนินการให้กับ 2 กลุ่มเร่งด่วน ให้มีการคำนวณภาระหนี้ใหม่ก่อน ซึ่งบางรายอาจจะเหลือยอดน้อยลงอย่างมาก หรืออาจชำระหมดแล้วด้วย โดย 2 กลุ่มเร่งด่วน ได้แก่
- กลุ่มที่อยู่ในชั้นกรมบังคับคดี 4.6 หมื่นราย
- กลุ่มที่คดีใกล้หมดอายุความอีกราว 4 หมื่นราย
- ผู้กู้ได้เห็นยอดหนี้ใหม่ภายในเดือนธ.ค.นี้ และจะเร่งพัฒนาระบบคำนวณให้แล้วเสร็จภายใน 5 เดือน
การคืนเงินส่วนเกินให้กับผู้กู้
- การคำนวณภาระหนี้ใหม่จะทำให้ผู้กู้ที่ชำระหนี้แล้วเกิน 150% ของเงินต้น มีแนวโน้มที่จะชำระหนี้ครบแล้วทั้งหมด เช่น เงินต้น 1 แสนบาท ผ่อนชำระแล้ว 1.5 แสนบาท
- ตาม พ.ร.บ.ฉบับใหม่จะทำให้ผู้กู้ กยศ.ได้ประโยชน์มากขึ้น
- หลังจากคำนวณอัตราดอกเบี้ยใหม่แล้วหากมีการชำระเกิน กองทุน กยศ.ก็จะคืนเงินส่วนเกินนั้นให้กับผู้กู้
การปรับโครงสร้างหนี้
- จะเปิดให้ปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค.2567
- เริ่มที่ กรุงเทพฯ ก่อนเปิดตามภูมิภาคต่าง ๆ
