โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก ปีการผลิต 2566/67

มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2566/2567

ชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก

หลักการและเหตุผล

  • ข้าวจะออกสู่ตลาดพร้อมกันในช่วงต้นฤดู ส่งผลให้โรงสีและตลาดกลางมีความจำเป็นต้องเร่งจำหน่ายผลผลิตออกสู่ตลาด ดังนั้น โครงการฯ จะเป็นการช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการให้มีสภาพคล่องในการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร โดยการเก็บรักษาสต๊อกไว้และชดเชยค่าเสียโอกาสในการเก็บรักษาข้าว ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายข้าวได้ในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายข้าวในช่วงต้นฤดูได้เพิ่มขึ้นในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม และผู้ประกอบการค้าข้าวสามารถรับซื้อข้าวเปลือกในช่วงต้นฤดูที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาดจำนวนมากโดยไม่ต้องเร่งระบาย รวมทั้งเป็นการดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาด เพื่อทำให้ราคาตลาดข้าวภายในประเทศมีเสียรภาพ
  2. เพื่อส่งเสริมสินเชื่อทุกประเภทที่มีวัตถุประสงค์ในการเก็บสต๊อกให้ผู้ประกอบการค้าข้าว โดยไม่แทรกแซงตลดให้เป็นไปตามกลไกตลาดเสรี

กลุ่มเป้าหมาย

  • ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งจะเก็บสต๊อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร โดยมีเป้าหมายเป็นขาวเปลือและข้าวสาร 4 ล้านตัน ในระยะเวลา 2-6 เดือน

วิธีการ

  • รัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวที่จะเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านธนาคารพาณิชย์หรือธนาคารของรัฐที่ผู้ประกอบการค้าข้าวเป็นลูกค้าอยู่ ตามมูลค่าข้าวเปลือกที่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ เก็บสต๊อกไว้ในอัตราร้อยละ 4 ต่อปี และตามระยะที่เก็บสต๊อกไว้ 60-180 วัน นับตั้งแต่วันที่รับซื้อ ดังนี้
    1. การรับซื้อข้าวเปลือก: ผู้ประอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการฯ จะต้องนำเงินกู้ในรูปแบบตั๋วสัญญาใช้เงิน (ยกเว้น ธ.ก.ส. เป็นสัญญาเงินกู้) จากธนาคารไปดำเนินการรับซื้อข้าวเปลือกและข้าวสารจากเกษตรกร โดยทางตรงและทางอ้อม
    2. การเก็บสต๊อก: เก็บสต๊อกข้าวและข้าวเปลือกที่รับซื้อจากเกษตรกรในรูปข้าวเปลือก หรือสีแปรสภาพเป็นข้าวสารตามปริมาณและมูลค่าที่ได้รับจัดสรร
    3. การยื่นขอชดเชยดอกเบี้ย: เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินหรือสัญญากู้ยืมเงินครบกำหนดชำระให้ธนาคารพาณิชย์หรือธนาคารของรัฐรับรองการกู้เงินและดอกเบี้ยที่จะได้รับการชดเชย โดยผู้เข้าร่วมโครงการฯ นำหลักฐานดังกล่าวยื่นการขอรับชดเชยอกเบี้ยต่อคณะอนุกรรมการจังหวัดตามขั้นตอนต่อไป

กรอบเงินงบฯ

  • ค่าชดเชยดอกเบี้ย
    • (1) ข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 440 ล้านบาท
      • (ปริมาณ 2 ล้านตัน x 11,000 (ราคาต่อ 1 ตัน) x 4% x 6 เดือน)
    • (2) ข้าวเจ้า 340 ล้านบาท
      • (ปริมาณ 2 ล้านตัน x 8,500 (ราคาต่อ 1 ตัน) x 4% x 6 เดือน)
  • ค่าชดเชยดอกเบี้ยสามารถถัวจ่ายระหว่างรายการได้

แหล่งเงิน

  • ใช้จ่ายจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเษตรกรในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอให้กรมการค้าภายในเสนอขอรับการจัดสรรงบฯ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป

ระยะเวลาดำเนินการ

  • ตั้งแต่ ครม. มีมติ (28 พ.ย. 66) – 31 ต.ค. 68 ดังนี้
    1. ทั่วประเทศ (ยกเว้นภาคใต้)
      • การรับซื้อข้าวจากเกษตรกรเพื่อเก็บสต๊อกตั้งแต่ ครม. มีมติ (28 พ.ย. 66) – 31 มี.ค. 67
      • ระยะเวลาการเก็บสต๊อกข้าวตั้งแต่ ครม. มีมติ (28 พ.ย. 66) – 31 ธ.ค. 67
    2. ภาตใต้
      • การรับซื้อข้าวจากเกษตรกรเพื่อเก็บสต๊อก 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 67
      • ระยะเวลาการเก็บสต๊อกข้าว 1 ม.ค. – 28 ก.พ. 68

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

  1. ผู้ประกอบการค้าข้าวมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร โดยไม่เร่งระบายผลผลิตออกสู่ตลาด
  2. สามารถดึงปริมาณข้าวส่วนเกินออกจากระบบตลาดได้นอกเหนือจากมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรด้านอื่นๆ
  3. ราคาข้าวเปลือกในระบบตลาดอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาราคาข้าวตกต่ำ