กรมควบคุมโรค เปิดเผยตัวเลขผู้ป่วยไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น 1.9 เท่า พบผู้เสียชีวิต 13 ราย
กรมควบคุมโรค เปิดเผยตัวเลขผู้ป่วยไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น 1.9 เท่า พบผู้เสียชีวิต 13 ราย โดยแนะนำใครผู้ใกล้ผู้ป่วยไข้เลือดออก ทายากันยุงด้วย เพราะผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกหากถูกยุงลายกัดสามารถส่งต่อเชื้อให้ผู้อื่นได้ พร้อมย้ำสังเกตุอาการหากมีอาการหนักให้รีบพบแพทย์ อย่าซื้อยากินเอง โดยเฉพาะพวกยาชุด ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค แอสไพริน เพราะจะทำให้เลือดออกในทางเดินอาหาร เสี่ยงเสียชีวิต
นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกแล้ว 8,197 ราย มากกว่าปี 2566 ที่ 4,286 ราย หรือเพิ่มขึ้นถึง 1.9 เท่า และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ป่วยสูงสุดในกลุ่มอายุ 5-14 ปี พบมากทางภาคใต้ และภาคกลาง เสียชีวิตแล้ว 13 ราย กระจายใน 11 จังหวัด และเสียชีวิตมากสุดในกลุ่มที่อายุมากกว่า 65 ปี เน้นย้ำให้สถานพยาบาลทุกแห่ง จ่ายยาทากันยุงให้ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในแผนกผู้ป่วยนอก ป้องกันการกระจายเชื้อไข้เลือดออกในตัวผู้ป่วยสู่ชุมชน เพราะผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกหากถูกยุงลายกัดสามารถส่งต่อเชื้อให้ผู้อื่นได้
“ผู้ที่ไม่ป่วยแต่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน หรือละแวกบ้านเดียวกับผู้ป่วยก็ต้องทายากันยุงเช่นกัน เพื่อป้องกันยุงกัด หากมีอาการ เช่น ไข้สูงลอย ร่วมกับอาการปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา หน้าแดง กระหายน้ำ หรือมีจุดเลือดออกที่ลำตัว แขน ขา ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง โดยเฉพาะยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค แอสไพริน รวมถึงยาชุด เพราะทำให้เลือดออกมากในทางเดินอาหารและยากต่อการรักษา เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ หากรับประทานยาลดไข้หรือเช็ดตัวแล้วไข้ไม่ลด หรือลดแล้วไข้กลับมาสูงอีก ควรรีบพบแพทย์ทันที ซึ่งโรคไข้เลือดออกหากได้รับการรักษาเร็วจะสามารถป้องกันอาการรุนแรง และเสียชีวิตได้”อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว
ที่มา : t.ly/DJwUR