ศาลยุติธรรม เผยแพร่ความรู้ “อายุความฟ้องผู้รับประกันภัยกรณีผู้เยาว์ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมเริ่มนับเมื่อใด”
สำนักงานศาลยุติธรรม เผยแพร่ความรู้ เรื่อง “อายุความฟ้องผู้รับประกันภัยกรณีผู้เยาว์ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมเริ่มนับเมื่อใด”

อายุความฟ้องผู้รับประกันภัยกรณีผู้เยาว์ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมเริ่มนับเมื่อใด
การฟ้องร้องดำเนินคดีตามปกติมีอายุความที่กำหนดไว้โดยเฉพาะ หากมิได้ดำเนินการภายในกำหนดอาจทำให้เสียสิทธิต่าง ๆ ได้ แต่ในกรณีที่ผู้ทรงสิทธิเรียกร้องนั้นเป็นผู้เยาว์ การใช้สิทธิเรียกร้อง รวมถึงกำหนดอายุความที่จะต้องฟ้องร้องดำเนินคดีมีการกำหนดหลักเกณฑ์ไว้เพิ่มเติมด้วย ปัญหาที่จะนำมากล่าวถึงในตอนนี้จะเป็นกรณีที่ผู้เยาว์ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมจะต้องฟ้องร้องผู้รับประกันภัยภายในกำหนดอายุความเมื่อใด
ด.ญ. จันทร์ เป็นบุตรของนายอังคารและนางพุธ แต่นายอังคารและนางพุธไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ต่อมาเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2561 นางพุธประสบอุบัติเหตุในขณะที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันหนึ่ง โดยถูกรถบรรทุกคันหนึ่งชนจนเป็นเหตุให้นางพุธถึงแก่ความตาย
นางพฤหัสซึ่งเป็นมารดาของนางพุธได้ร้องขอต่อศาลเยาวชนและครอบครัวให้ตั้งตนเองเป็นผู้ปกครองของ ด.ญ. จันทร์ ศาลได้มีคำสั่งตั้งนางพฤหัสเป็นผู้ปกครองของ ด.ญ. จันทร์ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2562
นางพฤหัสได้ยื่นฟ้องบริษัทรับประกันภัยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกที่ชนนางพุธจนถึงแก่ความตายเพื่อให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนค่าขาดไร้อุปการะในฐานะเป็นผู้ปกครองของ ด.ญ. จันทร์ เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563
บริษัทรับประกันภัยต่อสู้ว่านางพฤหัสยื่นฟ้องเมื่อพ้นกำหนดอายุความตามกฎหมายแล้ว บริษัทจึงไม่มีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมดทดแทนให้แก่นางพฤหัสอีก
ในกรณีการฟ้องร้องบริษัทรับประกันภัยให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคหนึ่ง ได้กำหนดห้ามมิให้ฟ้องให้ผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อพ้นกำหนด 2 ปี นับแต่วันเกิดเหตุวินาศภัย ทำให้บริษัทรับประกันภัยยกขึ้นโต้แย้งว่าตนไม่ต้องรับผิดอีกต่อไป โดยโต้แย้งด้วยว่าเมื่อบทบัญญัติเรื่องประกันภัยได้กำหนดเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จะนำการนับอายุความตามหลักทั่วไปมาใช้อีกไม่ได้
กรณีทำนองนี้แม้บทบัญญัติเรื่องประกันภัยจะกำหนดเรื่องอายุความในการฟ้องร้องบริษัทรับประกันภัยไว้โดยเฉพาะ แต่อายุความนั้นจะเริ่มนับเมื่อใด รวมถึงแม้แต่จะสะดุดหยุดลงเมื่อใดบทบัญญัติในเรื่องประกันภัยไม่ได้กำหนดไว้โดยเฉพาะอยู่แล้ว ดังนั้น จึงต้องนำบทบัญญัติในหลักทั่วไปเรื่องอายุความมาใช้ประกอบด้วย
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/20 ได้กำหนดไว้ด้วยว่าหากอายุความสิทธิเรียกร้องของผู้เยาว์ครบกำหนดภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ผู้เยาว์นั้นไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม อายุความนั้นจะครบต่อเมื่อพ้น 1 ปีนับแต่วันที่ผู้เยาว์นั้นได้มีผู้แทนโดยชอบธรรมแล้ว ทั้งนี้ เพราะในระหว่างนั้นเมื่อผู้เยาว์ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมอยู่ย่อมไม่มีผู้ที่มาปกป้องคุ้มครองประโยชน์ที่จะดำเนินการต่าง ๆ แทนผู้เยาว์ได้ตามกฎหมาย และแม้ต่อมาจะได้มีการตั้งผู้แทนโดยชอบธรรมแล้วแต่ก็ต้องมีระยะเวลาพอสมควรเพื่อให้ผู้แทนโดยชอบธรรมที่ตั้งขึ้นใหม่ได้มีเวลาดำเนินการต่าง ๆ ด้วย กฎหมายจึงได้กำหนดให้อายุความนั้นครบกำหนดเมื่อครบ 1 ปี นับแต่วันที่ได้มีผู้แทนโดยชอบธรรมใหม่ตามกฎหมายแล้ว
กรณีที่เกิดขึ้นนี้เมื่อ ด.ญ. จันทร์ เป็นบุตรระหว่างนายอังคารกับนางพุธ แต่ทั้งสองคนไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ด.ญ. จันทร์ จึงมีนางพุธ เป็นผู้แทนโดยชอบธรรมเพียงคนเดียว เมื่อนางพุธประสบอุบัติถึงแก่ความตายเพราะรถยนต์บรรทุกที่ได้เอาประกันภัยไว้กับบริษัทรับประกันภัย ทำให้ ด.ญ. จันทร์ ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมหลงเหลืออยู่ กรณีจึงเข้าตามที่มาตรา 193/20 กำหนดไว้ว่าอายุความจะครบต่อเมื่อครบ 1 ปี นับแต่วันที่ได้มีผู้แทนโดยชอบธรรมใหม่
เมื่อศาลเพิ่งมีคำสั่งตั้งนางพฤหัสเป็นผู้ปกครองของ ด.ญ. จันทร์ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2562 การที่นางพฤหัสมาฟ้องคดีเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 จึงอยู่ภายในกำหนด 1 ปีนับแต่วันที่มีผู้แทนโดยชอบธรรม แม้จะเกิน 2 ปี นับแต่วันที่เกิดเหตุวินาศภัยที่มีการรับประกันภัยไว้ก็ตาม
ดังนั้น กรณีที่ผู้เยาว์ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมอยู่ หากมีสิทธิเรียกร้องที่จะครบกำหนอายุความอยู่ อายุความนั้นจะถือว่าครบต่อเมื่อครบ 1 ปี นับแต่วันที่ผู้เยาว์ได้มีผู้แทนโดยชอบธรรมใหม่แล้ว (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1901/2566)
ฎีกา InTrend Ep.163 “อายุความฟ้องผู้รับประกันภัยกรณีผู้เยาว์ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมเริ่มนับเมื่อใด” โดยนายสรวิศ ลิมปรังษี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลประจำสำนักประธานศาลฎีกา
ที่มา : https://shorturl.asia/g7VCP
