โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เตือน SLE โรคแพ้ภูมิตัวเอง ความเสี่ยงที่เกิดกับเพศหญิงวัยเจริญพันธุ์

เอส แอล อี (SLE) หรือ โรคพุ่มพวง เป็นโรคซึ่งเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน มีการต่อต้านเนื้อเยื่อและเซลล์ ในระบบอวัยวะต่าง ๆ ของตนเอง
- พบได้ในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
 - พบบ่อยในช่วงวัยเจริญพันธุ์ 20 – 50 ปี
 - ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด คาดว่าเกิดจากปัจจัยทางกรรมพันธุ์ ร่วมกับการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม เช่นแสงแดด, ยา, การติดเชื้อ ฯลฯ
 
อาการของโรค SLE มีหลากหลายระดับความรุนแรง
- พบผื่นผิวหนัง แพ้แสงแดด มีแผลในปาก และผมร่วง
 - ปวดข้อ บวม แดง
 - ปัสสาวะเป็นฟอง หรือมีเลือดปน ความดันโลหิตสูง ขาบวม หนังตาบวมหลังตื่นนอน น้ำหนักเพิ่มขึ้น ปัสสาวะออกน้อยลง ไตทำงานลดลง
 - พบภาวะผิดปกติทางสมอง เช่น การเห็นภาพหลอน สับสน ชัก
 - เม็ดเลือดขาวต่ำ มีภาวะซีด เกล็ดเลือดต่ำ
 - เยื่อหุ้มปอดหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ความดันในเส้นเลือดในปอดสูง
 
การดูแลตัวเองหากเป็นโรค SLE
- หลีกเลี่ยงแสงแดด
 - พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย ไม่เครียด
 - ยากดภูมิคุ้มกันเป็นส่วนสำคัญในการความควบคุมไม่ให้โรคกำเริบ ผู้ป่วยควรรับประทานยาสม่ำเสมอ ไม่ควรหยุดยา ลดยา หรือซื้อยารับประทานเอง
 - เนื่องจากการรับประทานยากดภูมิอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จึงควรล้างมือเป็นประจำ สวมใส่หน้ากากในที่แออัด รับประทานอาหารปรุงสุก สะอาด
 - พบแพทย์สม่ำเสมอ
 
โรค SLE เป็นโรคที่ยังไม่พบวิธีรักษาให้หายขาด แต่การปฏิบัติตัวที่ดีของผู้ป่วย และการให้ความร่วมมือกับแพทย์ผู้รักษา จะสามารถควบคุมมิให้โรคกำเริบและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหมือนคนปกติได้
ข้อมูลโดย อ.พญ.วรรณงาม กิจธนามงคลชัย ฝ่ายวิจัย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯ
ข้อมูล ณ วันที่ 17 เมษายน 2567
ที่มา : https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/line/sle-an-autoimmune-disease/?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR1lZI0-xpey3mr4xQvnklKepRjny3lM_OdHwEmuq0hBdTruWvQTEqQ6KlE_aem_AXOOvK7HDgxPwNWArUUYgpJAIRgx43zx2jbXodu_4up0fppEufNMslYwH-E-3DWFvGJduKxSAOk7ePwwKZqEkwMF
