สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แนะนำวัคซีนพื้นฐานสำหรับเด็ก

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แนะนำวัคซีนพื้นฐานสำหรับเด็ก
วัคซีนพื้นฐานสำหรับเด็ก
วัคซีนมีความสำคัญกับเด็กอย่างมาก เพราะนอกจากช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ยังช่วยป้องกันโรคร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นและส่งผลต่อพัฒนาการการเติบโตในอนาคตได้ ดังนั้นเด็กจึงควรได้รับวัคซีนตามคำแนะนำของแพทย์ให้ครบตามช่วงอายุเพื่อการมีสุขภาพที่แข็งแรง
วัคซีนพื้นฐาน คือ วัคซีนจำเป็นที่เด็กทุกคนควรจะได้รับตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนดไว้ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กไทย โดยตามคำแนะนำของสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2566 กำหนดไว้ดังนี้
- วัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG) จะฉีดเมื่อแรกคลอด
- วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี (HBV) ควรฉีดตั้งแต่แรกเกิดและ 1 , 2 , 4 และ 6 เดือน ตามลำดับ
- วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน ชนิดทั้งเซลล์ (DTwP) ควรฉีดตามช่วงอายุตั้งแต่ 2 , 4 และ 6 เดือน และฉีดเพื่อกระตุ้นการทำงานของวัคซีนอีกครั้งในช่วงอายุ 1 ปี 6 เดือน , 4 – 6 ปี และ 11 – 12 ปี (ฉีดเฉพาะบาดทะยัก-คอตีบ)
- วัคซีนป้องกันการติดเชื้อฮิป (Haemophilus influenzae Type B หรือ เรียกย่อว่าว่า Hib) ควรฉีดตามช่วงอายุตั้งแต่ 2 , 4 และ 6 เดือน ตามลำดับ
- วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดกิน (OPV) ควรให้ตามช่วงอายุตั้งแต่ 2 , 4 และ 6 เดือน และให้เพื่อกระตุ้นการทำงานของวัคซีนอีกครั้งในช่วงอายุ 1 ปี 6 เดือน และ 4 – 6 ปี
- วัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโรต้า (Rota) ควรให้ตามช่วงอายุตั้งแต่ 2 , 4 และ 6 เดือน ตามลำดับ
- วัคซีนป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน (MMR) ควรฉีดตามช่วงอายุคือ 9 – 12 เดือน และ 1 ปี 6 เดือน
- วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบ (Live JE) ควรฉีดตามช่วงอายุคือ 9 – 12 เดือน และ 2 ปี – 2 ปี 6 เดือน
- วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ (influenza) ควรฉีดในเด็กปีละครั้ง ตั้งแต่อายุ 6 เดือน ถึง 12 ปี โดยในครั้งแรกฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน
- วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 (Covid-19) ให้ดูคำแนะนำการฉีดของกรมควบคุมโรค และราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย
- วัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก (HPV) เป็นวัคซีนที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี สาเหตุสำคัญของมะเร็งปากมดลูก ควรฉีดในเด็ก ตั้งแต่อายุ 11ปี – 12 ปี ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6 – 12 เดือน
หากไม่สะดวกไปฉีดวัคซีนตามนัด วัคซีนแต่ละชนิดจะสามารถเลื่อนนัดได้ในระยะเวลาที่แตกต่างกันจึงควรปรึกษาแพทย์ล่วงหน้า นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขโดยการสนับสนุนของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้จัดให้มีบริการวัคซีนแก่เด็กแรกเกิดอย่างต่อเนื่องไปจนถึงวัยเรียน ซึ่งเด็กทุกคนควรได้รับวัคซีนอย่างน้อยตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดซึ่งทางกระทรวงฯได้บริการให้ฟรี โดยเด็กทุกคนสามารถรับวัคซีนเหล่านี้ได้จากสถานพยาบาลของรัฐ หรือสถานีอนามัยทุกแห่ง และควรรับวัคซีนให้ครบ
ที่มา :
- https://citly.me/hjVur
- https://citly.me/cpn7D
