ดีอี แจ้งเตือนภัยโดนหลอกติดตั้งโปรแกรมผ่านโทรศัพท์สูญเงินเกือบ 14 ล้านบาท
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แจ้งเตือนภัยโดนหลอกติดตั้งโปรแกรมผ่านโทรศัพท์สูญเงินเกือบ 14 ล้านบาท ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 22 – 26 เมษายน 2567 ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) ได้มีรายงานเคสตัวอย่างที่ประชาชน ได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพจำนวน 5 เคส ทั้งนี้ หากประชาชนโดนหลอกออนไลน์ โทรแจ้งดำเนินการ ระงับ อายัดบัญชี AOC 1441
AOC 1441 เปิดเผย 5 เคสตัวอย่าง กลลวงมิจฉาชีพ หลอกเป็น Flash Express ให้ติดตั้งโปรแกรมดูดเงิน หลอกให้ลงทุน โทรข่มขู่ สูญเงินกว่า 14 ล้านบาท
นางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 22 – 26 เมษายน 2567 ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) ได้มีรายงานเคสตัวอย่างที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพจำนวน 5 เคส ประกอบด้วย
- คดีที่ 1 หลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 10,000,000 บาท โดยรายละเอียดคดี พบว่า ผู้เสียหายพบเห็นโฆษณาลงทุนเทรดทองผ่านช่องทาง Facebook “ฮั่วเซ่งเฮง” อ้างผลตอบแทนสูง จึงเกิดความสนใจทักไปสอบถามพูดคุยและได้เพิ่มเพื่อนช่องทาง Line มิจฉาชีพให้ผู้เสียหายสมัครสมาชิกและเปิดพอร์ตจากนั้นดึงเข้ากลุ่ม Line โบรกเกอร์ ในระยะแรกผู้เสียหายได้รับผลตอบแทนจริง ระยะหลังเริ่มให้ลงทุนมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้รับผลตอบแทนและไม่สามารถติดต่อได้อีก จึงติดต่อไปยัง บริษัท ฮั่วเซ่งเฮ่ง โดยตรง เลยทราบว่าเพจดังกล่าวเป็นเพจปลอม ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
- คดีที่ 2 : ข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน มูลค่าความเสียหาย 41,000 บาท ผู้เสียหายได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากมิจฉาชีพ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของ ธนาคารกรุงไทย แจ้งว่าบัตรเครดิตของผู้เสียหายถูกทำธุรกรรมกดเงินสดออกไปใช้จำนวน 15,000 บาท หลังจากนั้นได้โอนสายไปยังมิจฉาชีพอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.จังหวัด นครสวรรค์ แจ้งว่าจากการตรวจสอบเงินบัญชีของผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด ให้โอนเงินไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และจะโอนเงินกลับคืนให้ภายหลัง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อได้อีก ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเอง ถูกมิจฉาชีพหลอก
- คดีที่ 3 คล้ายกับคดีก่อนหน้า มูลค่าความเสียหาย 2,000,000 บาท ผู้เสียหายได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากมิจฉาชีพ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมการเงิน ทหารบก แจ้งว่าผู้เสียหายตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีการฟอกเงิน โดยให้ยืนยันข้อมูลตัวตนและ แจ้งข้อมูลเงินในบัญชีทั้งหมด จำนวน 6,000,000 บาท ให้ผู้เสียหายโอนเงิน จำนวน 2,000,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าตรวจสอบบัญชีการฟอกเงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป หลังจากโอนเงินเสร็จไม่สามารถติดต่อได้อีก ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
- คดีที่ 4 : หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัลหรือวัตถุประสงค์อื่นๆ ผู้เสียหายได้รู้จักกับมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Line อ้างว่ามีธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับอุปกรณ์ IT พูดคุยกันจนสนิทใจเพราะมีทัศนคติตรงกันในเรื่องการให้คำปรึกษา การชอบทำบุญโรงทาน และบริจาคสาธารณกุศลสถานที่ต่าง ๆ ต่อมาภายหลังชักชวนให้ร่วมทำบุญผ่านรูปแบบ การเล่นเกม อ้างว่าได้รับผลตอบแทนสูงและนำผลตอบแทนไปทำบุญร่วมกัน โดยให้โอนเงินเข้าไปในระบบตามคำแนะนำของมิจฉาชีพ ในระยะแรกได้รับผลตอบแทนจริง ระยะหลังเริ่ม ให้โอนเงินเข้าไปในระบบมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผู้เสียหายรู้สึกเกิดความลำบากในการหาเงิน รวมมูลค่าความเสียหาย 2,400,000 บาท
- คดีที่ 5 ผู้เสียหายได้รับข้อความทางโทรศัพท์SMS จากมิจฉาชีพ จำนวน 3 ข้อความ แจ้งว่า “ติดตามสถานะการจัดส่งสินค้า Flash Express” พร้อมส่งลิงก์มาให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ กดลิงก์ไปแล้วขึ้นเพิ่มเพื่อนทาง Line ของมิจฉาชีพ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทแจ้งว่า จะคืนเงินชดเชยที่ไม่ได้รับสินค้า โดยส่งลิงก์ให้ติดตั้งแอปพลิเคชัน Flash Express และใช้ แอปพลิเคชันธนาคารร่วมกัน ผู้เสียหายได้ติดตั้งและทำตามคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ ภายหลังผู้เสียหายเช็คเงินในบัญชีของตนเอง พบว่าถูกโอนออกไป จำนวน 182,538 บาท ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเอง ถูกมิจฉาชีพหลอก
ซึ่งผู้เสียหายทั้ง 5 เคส เชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก จึงติดต่อเข้ามาที่ศูนย์ AOC 1441 โดยมีมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้ง 5 เคส รวม 14,623,538 บาท
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานของ ศูนย์ AOC 1441 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 จนถึง วันที่ 26 เมษายน 2567 มีตัวเลขสถิติผลการดำเนินงานดังนี้
- สายโทรเข้า 1441 จำนวน 583,004 สาย /เฉลี่ยต่อวัน 3,275 สาย
- ระงับบัญชีธนาคาร จำนวน 127,724 บัญชี/ เฉลี่ยต่อวัน 939 บัญชี
- ระงับบัญชีตามประเภทคดีสูงสุด 5 ประเภท
- หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 39,018 บัญชีคิดเป็นร้อยละ 30.55
- หลอกลวงหารายได้พิเศษ 27,436 บัญชีคิดเป็นร้อยละ 21.48
- หลอกลวงลงทุน 23,248 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 18.20
- หลอกลวงให้กู้เงิน 10,556 บัญชีคิดเป็นร้อยละ 8.26
- หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล 8,260 บัญชีคิดเป็นร้อยละ 6.47 และคดีอื่นๆ 19,206 บัญชีคิดเป็นร้อยละ 15.04
ยอดการอายัดบัญชี (1 พ.ย. 66 – 14 เม.ย. 67) ข้อมูลของทั้งประเทศจาก ตร. (บช.สอท) 1) ยอดขออายัด 8,447,194,202 บาท 2) ยอดอายัดได้ 4,055,804,202 บาท 3) อายัดได้ร้อยละ 48.01
“อย่างไรก็ตาม ดีอี ได้เร่งดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามนโยบายเร่งด่วนของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ซึ่งเป็นไปตามข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยทำให้เกิดเป็นผลงานเด่นชัดภายใน 30 วัน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและผลกระทบจากอาชญากกรรมออนไลน์ของประชาชน จึงขอความร่วมมือจากประชาชนหากพบพฤติกรรมที่น่าสงสัยของมิจฉาชีพช่วยกันแจ้งเตือน และกดรายงานเพจปลอม หรือแจ้งเบาะแสกับหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบด้วย” นางสาววงศ์อะเคื้อ กล่าว
ทั้งนี้ หากประชาชนโดนหลอกออนไลน์ โทรแจ้งดำเนินการ ระงับ อายัดบัญชี AOC 1441
ที่มา : https://shorturl.asia/sUR62