กระทรวงอุตสาหกรรม ส่งเสริมผู้ประกอบการสู่เศรษฐกิจวิถีใหม่ ยกระดับด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล
กระทรวงอุตสาหกรรม ส่งเสริมผู้ประกอบการสู่เศรษฐกิจวิถีใหม่ ยกระดับด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีดิจิทัล สู่อุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 264 ล้านบาท

ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ในปัจจุบันของประเทศไทย การก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศและภัยธรรมชาติ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 และสงครามต่าง ๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดผลกระทบวงกว้างต่อภาคอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ และรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) และบทบาทของเศรษฐกิจดิจิทัลที่ก้าวกระโดด การปรับตัวให้เข้ากับกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายใต้ฐานวิถีชีวิตใหม่ ภาคอุตสาหกรรมจึงต้องเร่งพัฒนาศักยภาพตนเองโดยการเสริมสร้าง ยกระดับศักยภาพที่จำเป็นต่อเศรษฐกิจในอนาคต
กระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้กำหนดนโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทย ให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่จะใช้การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการยกระดับเศรษฐกิจฐานราก นอกจากนี้ยังได้เห็นถึงความสำคัญของการกระจายโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการในการเข้าถึงบริการการพัฒนาของกระทรวงอุตสาหกรรมให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ สามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ เสริมแกร่ง เพิ่มสมรรถนะและขีดความสามารถในการประกอบการด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และทุนทางวัฒนธรรม การเสริมสร้างศักยภาพและบริการผ่านระบบดิจิทัล เพื่อก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ผ่านโครงการเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสู่การแข่งขันเศรษฐกิจวิถีใหม่ สู่การพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้มีศักยภาพรองรับเศรษฐกิจวิถีใหม่ นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ ส่งเสริมมูลค่าเพิ่ม โอกาสด้านการตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคเศรษฐกิจวิถีใหม่ ให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ ตลอดจนประชาชนในพื้นที่สามารถปรับธุรกิจให้รองรับกับการเปลี่ยนแปลงจากสถานการณ์ต่าง ๆ ให้มีอาชีพที่มั่นคงและสามารถสร้างรายได้ให้สูงขึ้นสู่การขับเคลื่อนเป็นฐานเศรษฐกิจใหม่ของประเทศได้อย่างแท้จริง สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 264 ล้านบาท ผ่าน 3 กิจกรรม ประกอบด้วย
1. กิจกรรมการพัฒนาทักษะ องค์ความรู้ ความสามารถที่จำเป็น เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของสภาวการณ์ปัจจุบันและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัล และสอดคล้องกับภูมิปัญญา ทุนทางวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ ให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเศรษฐกิจในพื้นที่เป้าหมาย ผ่านการอบรมที่มุ่งเน้นในสาขาและประเด็นที่สอดรับกับการพัฒนาในเชิงพื้นที่ มีผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรม 849 คน โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจบุรี ได้มีการจัดอบรมหลักสูตร “กลยุทธ์ พิชิตตลาดวิถีใหม่ ใส่ใจลูกค้า เพิ่มมูลค่า สินค้าขายดี” ให้ความรู้เกี่ยวกับในการเพิ่มมูลค่าสินค้าชุมชน การสร้างทัศนคติต่อสินค้า ต่อลูกค้า และต่อตนเอง การปรับตัวในการขายในยุคการเปลี่ยนแปลง การสร้างยอดขายด้วย Sales Pipeline การสร้างแบรนด์และจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ให้เป็นเอกลักษณ์ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลิตภัณฑ์แต่ละท้องถิ่น การฝึกฝนแนะนำสินค้าและการบริการให้ผู้บริโภคทั้งทางตรงและทางอ้อม การสร้างกลยุทธ์การสื่อสารกับลูกค้า (เชิงบวก) และการใช้กลยุทธ์การโฆษณาให้เหมาะสมกับธุรกิจตนเอง โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนากว่า 42 ราย สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจได้กว่า 849,000 บาท
2. การให้คำปรึกษาแนะนำ เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการธุรกิจทั้งห่วงโซ่อุปทาน เช่น การจัดทำแผนธุรกิจ การปรับปรุงกระบวนการผลิต การมาตรฐาน การวางแผน การตลาดด้วยความคิด สร้างสรรค์และนวัตกรรม เทคโนโลยีดิจิทัล ที่สอดคล้องแนวทางการพัฒนาและกับศักยภาพของ อุตสาหกรรมเศรษฐกิจในพื้นที่เป้าหมาย โดยให้คำปรึกษาแนะนำวิสาหกิจ เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านนวัตกรรม เทคโนโลยีที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรมเศรษฐกิจ โดยมีเข้าร่วม 72 กิจการ สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจได้กว่า 239 ล้านบาท และสร้างรายได้ได้กว่า 86 ล้านบาท โดยทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดมหาสารคาม ได้นำทีมที่ปรึกษาเข้าไปแนะนำให้กับบริษัท เซ็นแอนด์โกสุมอินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด (ZKC) จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์จากปลาร้า อาทิ น้ำปลาร้าและเครื่องปรุงรสต่าง ๆ จากภูมิปัญญาชาวบ้านสืบทอดวิถีชีวิตและวัฒนธรรมชาวอีสานผ่านอาหารจากรุ่นสู่รุ่น โดยการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่เหมาะสมเข้ามาช่วย ลดการสูญเสียระยะเวลาในการผลิตและสามารถลดการใช้พลังงานทุ่นแรงในการยกปี๊บเทวัตถุดิบ จากเดิมใช้ระยะเวลาเฉลี่ย 6-7 ชั่วโมงต่อวัน ลดเหลือเฉลี่ย 4-5 ชั่วโมงต่อวัน ลดอัตราการลาออกของพนักงงาน และสามารถผลิตสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่า 76 ล้านบาทต่อปี เพิ่มขึ้น 22.22 % ต่อปี และสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 132 ล้านบาทต่อปี เพิ่มขึ้น 40% ต่อปี
3. การพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์หรือต้นแบบวัสดุอุตสาหกรรมของสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมศักยภาพในพื้นที่ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมให้เข้าสู่เศรษฐกิจวิถีใหม่ผ่านผู้เชี่ยวชาญ โดยมีผลิตภัณฑ์ได้รับการพัฒนา 55 ผลิตภัณฑ์ สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจได้กว่า 23 ล้านบาท และสร้างรายได้ได้กว่า 8 ล้านบาท โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้นำผู้เชี่ยวชาญเข้าไปพัฒนาวิสาหกิจชุมชนคนในบาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ศึกษาความต้องการของตลาดศักยภาพของผู้ประกอบการสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ครีมกันแดดผิวกาย ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ “โคโค่ เอ็กต้า เดลี่ โพรเทค พีเอ++++ เซรั่ม” ซึ่งใช้วัตถุดิบเด่นของกลุ่ม คือ หลอดบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากพลาสติกชีวภาพและวัสดุจากธรรมชาตินำมาพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดรับกับวิถีชีวิตของกลุ่มลูกค้า คือ โลชั่นกันแดดผิวกาย SPF50 ที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะพร้าวช่วยป้องกันผิวจากแสงแดดและช่วยบำรุงผิว สร้างความชุ่มชื่นให้กับผิวพรรณ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และเหมาะกับวิถีชีวิตของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีจำหน่ายผ่าน TOP Supermarket, Facebook Fan Page, Line , Event เป็นต้น สามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น 11.94% คิดเป็นมูลค่ากว่า 215,000 บาทต่อปี
“ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้มีความรู้และทักษะในการประกอบการเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจวิถีใหม่ ยกระดับอุตสาหกรรมเศรษฐกิจในพื้นที่ ด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารจัดการธุรกิจ นวัตกรรม และเทคโนโลยีดิจิทัล และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และบรรจุภัณฑ์ให้เกิดมูลค่าเพิ่มสอดคล้องกับความต้องการของตลาดโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม” ดร.ณัฐพลกล่าวทิ้งท้าย
ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/87816
