มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567
บทความที่เกี่ยวข้อง
มาตรการช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย
หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีจ่ายเงินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567
หลักเกณฑ์การจ่ายเงิน
- ช่วยเหลือเยียวยากรณีอุทกภัยที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยในช่วงฤดูฝน ซึ่งเกิดสถานการณ์ขึ้นตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นมา
- โดยเป็นอุทกภัยทั้งในกรณีน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงผลกระทบจากการระบายน้ำจนส่งผลกระทบให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ และจังหวัดได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและ/หรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
- โดยจากการสำรวจข้อมูลครัวเรือนเบื้องต้นขณะนี้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 57 จังหวัด
การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567
- ช่วยเหลือแบบเหมาจ่าย อัตราเดียว ครัวเรือนละ 9,000 บาท
(อัพเดท 8 ต.ค. 67 อ่านเพิ่มเติม)
- ช่วยเหลือแบบเหมาจ่าย อัตราเดียว ครัวเรือนละ 9,000 บาท
เงื่อนไขการจ่ายเงิน
- ต้องเป็นบ้านที่อยู่อาศัยประจำในพื้นที่ที่ได้มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและ/หรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดย
- ต้องมีหนังสือรับรองผู้ประสบภัยที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกให้ (ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 มาตรา 30)
- จะต้องผ่านการประชาคมหมู่บ้านของแต่ละพื้นที่ประสบสาธารณภัย
- จะต้องผ่านการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจาก
– พื้นที่กรุงเทพมหานคร ต้องผ่านการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากสำนักงานเขตและกรุงเทพมหานคร
– ต่างจังหวัด ต้องผ่านการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.)
- กรณีที่ประสบภัยหลายครั้ง จะได้รับความช่วยเหลือเพียงครั้งเดียว
- ต้องเป็นบ้านที่อยู่อาศัยประจำในพื้นที่ที่ได้มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและ/หรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดย
เอกสารที่ใช้ยื่นเป็นหลักฐานในการขอรับเงินช่วยเหลือ
- บัตรประจำตัวประชาชน
- พร้อมด้วยหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่
- กรณีที่พักอาศัยมีทะเบียนบ้าน – สำเนาทะเบียนบ้าน
- กรณีเป็นบ้านเช่า – สัญญาเช่าบ้านหรือหนังสือรับรองการเช่าจาก อปท.
- กรณีอื่น ๆ อาทิ
– บ้านพักอาศัยประจำแต่ไม่มีทะเบียนบ้าน – หนังสือรับรองบ้านไม่มีเลขที่ โดยร้องขอให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริการท้องถิ่น ร่วมกับผู้นำชุมชน ตรวจสอบข้อเท็จจริง และลงนามร่วมกันอย่างน้อย 2 ใน 3
ช่องทางการยื่นคำร้อง
ช่องทางการยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือ ฯ มี 2 ช่องทาง
แบบ Onsite
- ผู้ประสบอุทกภัยในยื่นคำร้องด้วยตนเอง
- กรุงเทพมหานคร ยื่นได้ที่สำนักงานเขตพื้นที่ที่ประสบภัย
- ต่างจังหวัด ยื่นได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย
- ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
- ดาวน์โหลดแบบคำร้อง ได้ที่ https://flood67.disaster.go.th/Dashboard/BoardHelpRegister
- ผู้ประสบอุทกภัยในยื่นคำร้องด้วยตนเอง
แบบ Online
- ยื่นคำร้องและติดตามสถานะผ่านเว็บไซต์ https://flood67.disaster.go.th/
- ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
วิธีการจ่ายเงิน
- โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารผ่านระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) ที่ผูกกับหมายเลขบัตรประชาชน
- ประชาชนที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคาร สามารถไปลงทะเบียนพร้อมเพย์ได้ทุกธนาคาร ตามช่องทางที่ธนาคารกำหนด โดยใช้หมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก
สอบถามเพิ่มเติม
- สอบถามข้อมูลเรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการได้รับความช่วยเหลือ แนวทางและขั้นตอนการจ่ายเงินช่วยเหลือ
- กองช่วยเหลือผู้ประสบภัย ปภ. หมายเลขโทรศัพท์ 0-2637-3508 – 10,12
- 089-600-6777 และ 084-874-7387
- สอบถามเรื่องการยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือผ่านระบบออนไลน์ https://flood67.disaster.go.th หรือพบปัญหาในการใช้งาน
- ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปภ.
หมายเลข 0-2637-3604-06 และ 089-968-1232
- ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปภ.
- สอบถามข้อมูลเรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการได้รับความช่วยเหลือ แนวทางและขั้นตอนการจ่ายเงินช่วยเหลือ
ค่าล้างโคลนในพื้นที่ประสบอุทกภัย
- หลังคาเรือนละ 10,000 บาท
- ปภ.จะไปสำรวจและจ่ายเงินค่าล้างโคลนในพื้นที่ประสบอุทกภัย ให้กับเจ้าของบ้านต้องล้างเอง หรือจ้างคนมาล้าง ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ที่จังหวัดเชียงราย
- หากมีเจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครเข้าไปช่วยล้างโคลนจะไม่ได้รับเงิน
- เงินจำนวนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเงินเยียวยา 9,000 บาทต่อครัวเรือน
ค่าซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
รัฐบาลมีเงินอุดหนุนโดยคิดตามสภาพความเสียหาย แบ่ง 3 ระดับ คือ
- เสียหายน้อยกว่า 30% ได้รับเงินช่วยเหลือไม่เกิน 15,000 บาท
- เสียหายอยู่ที่ระดับ 30-70% ได้รับเงินช่วยเหลือไม่เกิน 70,000 บาท
- เสียหายเกิน 70% ขึ้นไป ได้รับเงินช่วยเหลือไม่เกิน 230,000 บาท
พื้นที่ได้รับผลกระทบ/พื้นที่ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย/พื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 57 จังหวัด
ข้อมูล ณ วันที่ 17 ก.ย. 67 โปรดดูรายละเอียดจากประกาศของจังหวัดที่ท่านอาศัยอยู่อีกครั้ง
- กระบี่
- กาญจนบุรี
- กาฬสินธุ์
- กำแพงเพชร
- ขอนแก่น
- จันทบุรี
- ฉะเชิงเทรา
- ชัยภูมิ
- ชลบุรี
- เชียงราย
- เชียงใหม่
- ตรัง
- ตราด
- ตาก
- นนทบุรี
- นครนายก
- นครปฐม
- นครพนม
- นครสวรรค์
- นครราชสีมา
- นครศรีธรรมราช
- น่าน
- บึงกาฬ
- ปราจีนบุรี
- พระนครศรีอยุธยา
- พังงา
- พะเยา
- พิจิตร
- พิษณุโลก
- เพชรบูรณ์
- แพร่
- ภูเก็ต
- มหาสารคาม
- มุกดาหาร
- แม่ฮ่องสอน
- ยะลา
- ระยอง
- ราชบุรี
- ร้อยเอ็ด
- ลำปาง
- ลำพูน
- เลย
- ศรีสะเกษ
- สกลนคร
- สตูล
- สระแก้ว
- สระบุรี
- สุโขทัย
- สุพรรณบุรี
- สุราษฎร์ธานี
- หนองคาย
- หนองบัวลำภู
- อ่างทอง
- อุทัยธานี
- อุดรธานี
- อุตรดิตถ์
- จังหวัดอุบลราชธานี
หมายเหตุ สามารถเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ที่ทางราชการประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยหรือเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินได้ที่เว็บไซต์ของกรมป้องกันและบรรเทาาธารณภัย https://datacenter.disaster.go.th/datacenter/
มาตรการเยียวยาและช่วยเหลือเกษตรกรจากภัยพิบัติอุทกภัย
ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า
- เช่น การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ, เครื่องผลักดันน้ำในพื้นที่ประสบภัย, การแจกเมล็ดพันธุ์พืชผัก, การอพยพสัตว์ ,การส่งเฮลิคอปเตอร์ฝนหลวงสนับสนุนการปฏิบัติการของกรมปองกันและบรรเทาสาธารณภัย และกองบัญชาการกองทัพ ในการเข้าพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย, การจัดชุดเฉพาะกิจพร้อมเจ้าหน้าที่ รถยนต์ เรือตรวจการประมง ช่วยนำส่งเสบียงอาหารและน้ำดื่ม และช่วยอพยพยพประชาชน และผู้ป่วยออกจากพื้นที่
- การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน วงเงินกู้ไม่เกิน 50,000 บาท
ความช่วยเหลือเยียวยาหลังสถานการณ์
- การสนับสนุนพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ พร้อมปัจจัยการผลิต เพื่อให้เกตรกรกลับไปประกอบอาชีพได้รวดเร็ว
- การปรับพื้นที่และฟื้นฟูพื้นที่เกษตรให้กลับสู่สภาวะปกตติพร้อมทำการเกษตร โดยกรมพัฒนาที่ดิน ไ
- มาตรการลดภาระหนี้สินให้เกษตรกร เช่น ผ่อนผัน หรือขยายเวลาการชำระหนี้ เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
- มาตรการช่วยเหลือชาวสวนยางประสบอุทกภัยหรือภัยธรรมชาติ
- กรมส่งเสริมการเกษตร แนะนำขั้นตอนการขอรับการช่วยเหลือ และเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือ ด้านพืช
หมายเหตุ การประชุมศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครั้งที่ 5 /2567 มีมิตเห็นชอบในหลักการการลดขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยลดระยะเวลาขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตรใหม่ จากเดิมไม่เกิน 90 วัน เหลือไม่เกิน 65 วัน
สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประกาศมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ 4 มาตรการ ดังนี้
- สนับสนุนสินเชื่อภัยพิบัติ วงเงิน 50,000 บาท ระยะเวลา 3 ปี ดอกเบี้ย 0%
- ลดหรืองดเก็บดอกเบี้ยเงินกู้ / ผ่อนผันหรือขยายเวลาชำระหนี้เงินกู้
- ผ่อนผันหรือขยายเวลาการจัดเก็บค่าเช่าซื้อ
- ลดหรืองดเว้นการจัดเก็บค่าเช่าที่ดิน
สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่
- ส.ป.ก. จังหวัด ทุกแห่ง
- สายด่วน. ส.ป.ก. 1764
มาตรการช่วยเหลือด้านอุตสาหกรรม
กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง การช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการโรงงาน กรณีโรงงานได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติน้ำท่วม พ.ศ. 2567 เพื่อได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี โรงงานจำพวกที่ 2 และจำพวกที่ 3
- ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 สามารถแจ้งข้อมูล ตามแบบแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานและความเสียหายที่โรงงานได้รับจากภัยธรรมชาติน้ำท่วม พ.ศ. 2567 ตั้งแต่วันนี้ – 31 ต.ค.67
โดยดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
- โรงงานที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติน้ำท่วมนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 สามารถแจ้งข้อมูลตั้งแต่บัดนี้ – 31 ตุลาคม 2567
- ดาวน์โหลดแบบแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานและความเสียหายที่โรงงานได้รับจากภัยธรรมชาติน้ำท่วมพ.ศ. 2567ได้ที่ https://www.diw.go.th/webdiw/25092567-01/
- กรอกแบบแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานและความเสียหายที่โรงงานได้รับจากภัยธรรมชาติน้ำท่วม พ.ศ. 2567
- กำลังแรงม้าเครื่องจักร / จำนวนคนงาน ต้องกรอกให้ตรงกับ ร.ง.2 หรือ ร.ง.4
- แนบสำเนา ร.ง.2 หรือ ร.ง.4 พร้อมแนบภาพถ่าย/ข้อมูลความเสียหาย (ถ้ามี)
- ยื่นเอกสารด้วยตนเอง ณ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดที่โรงงานตั้งอยู่
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เร่งติดตามสถานการณ์ ส่วนมาตรการฟื้นฟูหลังน้ำลด ดีพร้อมจะเข้าไปให้คำปรึกษาและประเมินสภาพปัญหาและวางแผนฟื้นฟู โดยมาตรการ
- ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค หรือ DIPROM CENTER ในพื้นที่ส่วนภูมิภาคให้ความช่วยเหลือแก้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ โดยการฟื้นฟู และปรับปรุงกระบวนการผลิต รวมถึงจัดกิจกรรมช่วยเหลือ แนะนำในการปรับปรุงซ่อมแซม ฟื้นฟูเครื่องจักร ระบบไฟฟ้า ระบบหล่อลื่น
- ดำเนินกิจกรรม Re-Layout, Re-Engineering เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตให้กลับมาดำเนินการได้ เช่น การให้คำปรึกษา ปรับปรุง ฟื้นฟู เพื่อให้ระบบคุณภาพ GMP/HACCP/GHP กลับมาดำเนินการได้ปกติ
- พร้อมยกระดับศักยภาพการประกอบอาชีพสู่ธุรกิจอุตสาหกรรม ผ่านการส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ เพื่อพัฒนาทักษะอาชีพด้านการผลิต ด้านการบริการ ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ส่งเสริมให้ชุมชนเกิดรายได้ ลดรายจ่าย สามารถสร้างอาชีพใหม่ หรือนำไปประกอบอาชีพเสริมเพิ่ม ก่อให้เกิดความยั่งยืนในชุมชน พร้อมทั้งได้บูรณาการผ่านเครือข่ายดีพร้อม (DIPROM Connection) จับมือกับเครือข่ายทางการพัฒนาของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ของ SMEs เข้าสู่ช่องทางการตลาดทั้งรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์
- สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ สามารถได้รับการผ่อนผันการชำระหนี้ ได้รับการลดหย่อนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ มีสิทธิกู้เงินเพิ่มเติม และการขอกู้เงินเป็นกรณีพิเศษสำหรับลูกค้ารายใหม่ โดยวางกรอบวงเงินการช่วยเหลือกว่า 20 ล้านบาท
มาตรการด้านการเงิน พักหนี้ ลดดอกเบี้ย ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม
1. ธนาคารออมสิน
ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเร่งด่วน ตามนโยบายรัฐบาล พักต้น ลดดอกครึ่งหนึ่ง นาน 3 เดือน กู้ฉุกเฉิน 0% ไม่ต้องมีหลักประกัน กู้ซ่อมบ้านได้ 100% เตรียมจับมือภาคีร่วมเปิด คลินิกสารพัดซ่อม ฟื้นฟูเยียวยาหลังน้ำลด ประกอบด้วย
1.1 มาตรการพักชำระหนี้
- ประกาศเดิม
- สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อยที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท
- ได้รับการพักชำระหนี้เงินต้นและลดดอกเบี้ยร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา
3 เดือน6 เดือน - ซึ่งลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ขอเข้ามาตรการผ่านทางเว็บไซต์ธนาคารออมสิน https://www.gsb.or.th/ หรือติดต่อธนาคารออมสินในพื้นที่ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
- อย่างไรก็ตาม หลังครบกำหนดผ่อนผันพักชำระหนี้ครบ
3 เดือน6 เดือนแล้ว ให้ชำระเงินงวดตามสัญญาเดิม - หากยังไม่สามารถชำระหนี้ต่อได้ สามารถปรึกษากับเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินเพื่อหาแนวทางอื่นต่อไป
- การขยายระยะเวลามาตรการพักหนี้อัตโนมัติ จาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน (Update 4 ต.ค. 67)
- ใช้หลักเกณฑ์เดิมคือให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบพักจ่ายเงินต้น และธนาคารไม่คิดดอกเบี้ย
- มีผลทันทีตั้งแต่งวดเดือนตุลาคม 2567 ถึงงวดเดือนมีนาคม 2568
- ครอบคลุมลูกหนี้สินเชื่อรายย่อย สินเชื่อบุคคล และ SMEs วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท (ยกเว้นสินเชื่อชีวิตสุขสันต์และสินเชื่อตามนโยบายรัฐ : PSA)
- โดยธนาคารจะส่ง SMS หรือ จดหมายแจ้งเพื่อทราบการพักชำระหนี้ไปยังลูกหนี้ตามรายชื่อผู้มีสิทธิ์ร่วมมาตรการฯ ซึ่งมีภูมิลำเนา ที่อยู่ หรือที่ประกอบอาชีพ ในพื้นที่ประสบภัยตามประกาศฯ ในปัจจุบัน (ประกาศฯ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2567)
- หลังจากสิ้นสุดมาตรการฯ ให้ลูกหนี้กลับมาชำระหนี้ตามสัญญาเดิมตั้งแต่งวดเดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไป
- ทั้งนี้ ลูกหนี้สถานะปกติที่มีการชำระหนี้ในช่วงเวลาของมาตรการฯ ธนาคารจะนำไปตัดลดต้นเงินของลูกหนี้ต่อไป
- อ่านเพิ่มเติม
- ประกาศเดิม
1.2 มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
จำนวน 2 โครงการ ได้แก่
1.2.1 โครงการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ
- วงเงินต่อรายไม่เกิน 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.6 ต่อเดือน
- ระยะเวลากู้ไม่เกิน 15 เดือน ปลอดชำระเงินงวดใน 3 เดือนแรก หลังจากนั้นเดือนที่ 4 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ 0.60% ต่อเดือน
- สามารถติดต่อขอสินเชื่อที่ธนาคารออมสินสาขาภายใน 30 วันนับตั้งแต่ประสบภัย โดยเปิดให้ยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
1.2.2 โครงการสินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัย
- วงเงินกู้ต่อรายสูงสุดร้อยละ 100 ของราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 2 ต่อปี
“คลินิกสารพัดซ่อม”
- ธนาคารออมสินเตรียมร่วมมือกับภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะวิทยาลัยเทคนิคในพื้นที่จัดตั้ง “คลินิกสารพัดซ่อม”
- ให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูเยียวยาหลังน้ำลด ในการดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซม ทั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัย อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน รถจักรยานยนต์ และอื่น ๆ ที่ได้รับความเสียหาย ตลอดจนสำรวจความต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมด้านต่าง ๆ ต่อไป
โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up
ธนาคารออมสิน ช่วยผู้ประสบเหตุอุทกภัย เชิญชวน SMEs รายย่อย และอาชีพอิสระ ขอกู้ฟื้นฟูกิจการ กับโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up ได้ถึง 30 ธ.ค. 67
- วงเงินรวม 100,000 ล้านบาท เป็นการดำเนินตามนโยบายรัฐบาลเพื่อสนับสนุนแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
- อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี
- วัตถุประสงค์เพื่อให้สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการฯ นำไปปล่อยสินเชื่อต่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำไม่เกิน 3.5% ต่อปี ใน 2 ปีแรก
- ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินทุกแห่งที่เข้าร่วมโครงการ
- อ่านเพิ่มเติม
มาตรการสินเชื่อต่อเติมซ่อมแซมช่วยประชาชนฟื้นฟูที่อยู่อาศัยหลังน้ำลด
- สำหรับลูกค้าเดิม
- เพื่อต่อเติมซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่ประสบภัยพิบัติของหลักประกันเดิม วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย
- ทั้งนี้เมื่อรวมกับยอดหนี้คงเหลือแล้ว ต้องไม่เกินราคาประเมินหลักทรัพย์ตามสัญญาเดิม
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ย 3 ปีแรก 2.750% ต่อปี เดือนที่ 1 – 3 = 0% ต่อปี เดือนที่ 4 – 12 = 2.000% ต่อปี ปีที่ 2 = 3.000% ต่อปี ปีที่ 3 = 3.750% ต่อปี และปีที่ 4 เป็นต้นไป = MRR -0.750% ต่อปี
- ทั้งนี้ ธนาคารสนับสนุนค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินจดจำนอง โดยให้ตามที่จ่ายจริงไม่เกินรายละ 5,000 บาท
- สำหรับลูกค้าใหม่
- เพื่อต่อเติมซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่ประสบภัยพิบัติของตนเอง วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทต่อราย แบบไม่มีหลักประกัน (Clean Loan)
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ย 3 ปีแรก 4.750% ต่อปี เดือนที่ 1 – 3 = 0% ต่อปี เดือนที่ 4 – 12 = 4.000% ต่อปี ปีที่ 2 = 5.000% ต่อปี ปีที่ 3 = 6.250% ต่อปี และปีที่ 4 เป็นต้นไป = MRR +2.155% ต่อปี
- ติดต่อขอสินเชื่อ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 30 ธันวาคม 2568 ที่สาขาธนาคารออมสิน
- อ่านเพิ่มเติม
- สำหรับลูกค้าเดิม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการฯ
- GSB Contact Center โทร.1115
- Facebook : GSB Society
2. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
2.1 มาตรการพักชำระหนี้
แบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่
2.1.1 กรณีหนี้ถึงกำหนดชำระหรือหนี้ค้างชำระ 0 – 3 เดือน
- สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยการขยายระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 20 ปี
- กรณีลูกค้าไม่สามารถชำระดอกเบี้ยค้างชำระได้ทั้งหมด ให้ระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นไม่เกิน 3 ปี ยกเว้นดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน และ
- กรณีลูกค้าสามารถชำระดอกเบี้ยค้างชำระได้ร้อยละ 20 จะตัดชำระเงินต้นร้อยละ 50 และตัดชำระดอกเบี้ยร้อยละ 50
2.1.2 กรณีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NPLs)
- สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยการขยายระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 20 ปี
- ลดอัตราดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน และลดภาระหนี้และดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 70 เมื่อชำระหนี้ได้ตามสัญญาใหม่
2.2 มาตรการเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูลูกค้า
วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท จำนวน 2 โครงการ ได้แก่
2.2.1 โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2567/68
- วงเงินต่อรายไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย *Minimum Retail Rate หรือ MRR (*MRR (Minimum Retail Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย) (ปัจจุบัน MRR ของ ธ.ก.ส. เท่ากับร้อยละ 6.975 ต่อปี) ระยะเวลากู้ไม่เกิน 3 ปี ปลอดชำระดอกเบี้ยใน 6 เดือนแรก
2.2.2 โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต
- วงเงินต่อรายไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR – 2 ต่อปี ระยะเวลากู้ไม่เกิน 15 ปี
ติดต่อสอบถามและแจ้งความประสงค์
- ธ.ก.ส. ขอให้เกษตรกรอย่ากังวลใจในช่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ธนาคารพร้อมเข้าไปดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่
- สำหรับเกษตรกรผู้ประสบภัยดังกล่าว สามารถแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง
3. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2567 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้าประชาชน ประกอบด้วย
3.1 มาตรการลดเงินงวดและลดอัตราดอกเบี้ย
- สำหรับลูกค้าปัจจุบันจะได้รับการลดเงินงวดร้อยละ 50 จากเงินงวดที่ชำระปกติ และ
- ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือร้อยละ 2 ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน
3.2 มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
- สำหรับลูกค้าใหม่หรือลูกค้าปัจจุบัน สามารถขอสินเชื่อเพิ่มเติมหรือสินเชื่อใหม่เพื่อปลูกสร้างอาคารทดแทนหลังเดิมหรือซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหาย
- วงเงินต่อรายไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 2 ต่อปี
3.3 มาตรการประนอมหนี้
- สำหรับลูกค้าที่ค้างชำระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือนหรืออยู่ระหว่างการประนอมหนี้จะได้รับการปลอดชำระดอกเบี้ยและเงินงวดใน 6 เดือนแรก
- กรณีลูกค้าที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ผู้กู้ร่วมหรือทายาทสามารถผ่อนชำระต่อในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปีตลอดระยะเวลาคงเหลือ และ
- กรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังและไม่สามารถซ่อมแซมได้สามารถยกเว้นหนี้ในส่วนของอาคารและผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือ
3.4 มาตรการสินไหมเร่งด่วน
- สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติจะพิจารณาสินไหมอย่างเร่งด่วน (Fast Track) เป็นกรณีพิเศษ
3.5 โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย
- สำหรับลูกค้าปัจจุบัน
- ลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี
- โดยพักชำระหนี้นาน 3 เดือน พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 0% ต่อปี 3 เดือนแรก
- เดือนที่ 4 – 12 คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2.00% ต่อปี พร้อมลดเงินงวดลง 50% ของเงินงวดที่ชำระในปัจจุบัน
- เมื่อครบระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ ลูกค้าสามารถกลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เดิมต่อไป
- สำหรับลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าใหม่
- กู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม
- วงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท
- อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1 – 3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด
- อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 4 – 24 เท่ากับ 2.00% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 เท่ากับ MRR-3.30% ต่อปี (3.24% ต่อปี), ปีที่ 4 เท่ากับ MRR-2.40% ต่อปี (4.14% ต่อปี) และปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญา
- กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี, ลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี
- กู้เพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย
- เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบัน เท่ากับ 6.545% ต่อปี)
- ระยะเวลาการกู้ 40 ปี กู้ 1 ล้านบาท
- ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,100 บาท เท่านั้น
- พิเศษ! ฟรีค่าธรรมเนียมราคาหลักประกัน (1,900 – 2,800 บาท) และค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการจำนองไม่เกิน 1% ของวงเงินจำนอง เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนอีกด้วย
- อ่านเพิ่มเติม
- กู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม
- สำหรับลูกค้าปัจจุบัน
ติดต่อสอบถามและแจ้งความประสงค์
- เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนต่อไป สำหรับลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2567 สามารถติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2567
- โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
– ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ
– G H Bank Call Center โทร 0 2645 9000 หรือ
– Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ - ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ Application : GHB ALL GEN
4. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ห่วงใยลูกค้าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยพิบัติและสาธารณภัยที่ขยายวงกว้างไปในหลายพื้นที่ ออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม ครอบคลุมดูแลทั่วประเทศ ได้แก่
4.1 มาตรการ “พักชำระหนี้ เงินต้นและดอกเบี้ย”
- สำหรับลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย
- กลุ่มเงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term loan)
- พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน
- กลุ่มสัญญาเบิกเงินทุนหมุนเวียนประเภทตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) และสินเชื่อแฟคตอริ่ง
- ขยายระยะเวลาชำระตั๋วสัญญาใช้เงินออกไปอีกสูงสุด 180 วัน
- สามารถพักชำระดอกเบี้ยได้
4.2 มาตรการ “เติมทุนฉุกเฉินฟื้นฟูกิจการ”
- สำหรับลูกค้าธนาคารได้รับผลกระทบทางตรง ที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ภัยพิบัติตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อให้มีวงเงินกู้ฉุกเฉิน นำไปฟื้นฟูธุรกิจเฉพาะหน้า
- วงเงินกู้ 10% ของวงเงินเดิม ขั้นต่ำ 30,000 บาท สูงสุด 200,000 บาท
(บุคคลธรรมดา สูงสุด 100,000 บาท และนิติบุคคล สูงสุด 200,000 บาท) - อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี
- ระยะเวลากู้ 3 ปี ปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน
- ไม่ต้องมีหลักประกัน
- ยกเว้นค่าธรรมเนียม ลดกระบวนการนำส่งเอกสารในการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรงเป็นการเร่งด่วน
แจ้งความประสงค์
- ผ่านสาขาของ SME D Bank ทุกแห่ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- Call Center 1357
(Last update Update 27 ก.ย. 67)
5. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.)
ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
5.1 มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะสั้น
- ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงินสูงสุด 180 วัน
- เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราวสูงสุดร้อยละ 20 ของวงเงินหมุนเวียนเดิม สูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท และ
- เปลี่ยนแปลงภาระหนี้ระยะสั้นเป็นภาระหนี้ระยะยาวผ่อนชำระสูงสุด 3 ปี
5.2 มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะยาว
- ขยายระยะเวลาเงินกู้สูงสุด 7 ปี
- ปรับลดอัตราดอกเบี้ยปีแรกลงร้อยละ 0.50% หรือจ่ายดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 50 ในช่วง 6 เดือนแรก และพักชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 1 ปี
แจ้งความประสงค์
- เข้าร่วมมาตรการผ่านทางเว็บไซต์ของ ธสน. https://www.exim.go.th/
- ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
- สอบถามข้อมูล โทร. 02 169 9999
6. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.)
- ออกมาตรการสำหรับกลุ่มลูกค้าเดิมที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ จะได้รับการพักชำระหนี้เงินต้น ชำระเฉพาะอัตรากำไร เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน
- โดยให้ขยายระยะเวลาออกไปไม่เกินระยะเวลาที่พักชำระ และได้รับการยกเว้นค่าชดเชยผิดนัดชำระ (Late charge) ที่เกิดขึ้นทั้งจำนวนจนถึงวันที่ปรับปรุงบัญชี
- สามารถยื่นคำขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (สอบถามข้อมูล โทร. 02 650 6999 หรือสายด่วน 1302)
7. บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าและลูกหนี้ของ บสย. ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยปี 2567 ประกอบด้วย
7.1 มาตรการพักชำระค่าธรรมเนียม
- สำหรับลูกค้า บสย. ที่ถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้ำประกันตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567 สามารถพักชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้ำประกันเป็นระยะเวลา 6 เดือนนับจากวันถึงกำหนดชำระ
7.2 มาตรการพักชำระค่างวด
- สำหรับลูกหนี้ บสย. ที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระตามแผนปรับโครงสร้างหนี้และไม่ผิดนัดชำระหนี้สามารถพักชำระค่างวดเป็นระยะเวลา 3 งวด โดยขอเข้าร่วมโครงการได้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2567
อื่น ๆ
- บสย. ยังได้เฝ้าติดตามสถานการณ์และผลกระทบอย่างใกล้ชิดในพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ที่มีแนวโน้มเป็นพื้นที่ประสบภัย โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ลุ่มต่ำ 7 จังหวัด คือ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง และ พระนครศรีอยุธยา
- พร้อมมอบหมายให้สำนักงานเขต บสย. ทั่วประเทศเร่งสำรวจตรวจสอบและสื่อสารประชาสัมพันธ์มาตรการช่วยเหลือดังกล่าว
- โดย บสย. เตรียมลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ เพิ่มเติม
ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดการเข้าร่วมมาตรการ
- ผู้ประกอบการ SMEs ทั้งกลุ่มลูกค้า และลูกหนี้ บสย. ที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยตามประกาศดังกล่าว สามารถปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดการเข้าร่วมมาตรการ ได้ที่
- สำนักงานเขตในพื้นที่ หรือ ช่องทาง LINE OA TCG First: @tcgfirst
- บสย. Call Center โทร. 02 890 9999
- ผู้ประกอบการ SMEs ทั้งกลุ่มลูกค้า และลูกหนี้ บสย. ที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยตามประกาศดังกล่าว สามารถปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดการเข้าร่วมมาตรการ ได้ที่
8. กยศ. ผ่อนผันการชำระหนี้
กยศ. ผ่อนผันการชำระหนี้ ช่วยเหลือผู้กู้ยืมที่ประสบอุทกภัยในภาคเหนือ สำหรับผู้กู้ยืมที่ประสบภัยพิบัติ อุทกภัยหรือจากภัยธรรมชาติอื่นๆ
- สามารถขอผ่อนผันชำระหนี้ได้ไม่เกิน 2 คราว ๆ ละไม่เกิน 1 ปี รวมระยะเวลาแล้วไม่เกิน 2 ปี
- โดยช่วงเวลาที่ได้รับการผ่อนผัน ผู้กู้ยืมไม่ต้องชำระหนี้เงินต้น ดอกเบี้ย และจะยกเว้นเบี้ยปรับหรือค่าธรรมเนียมกรณีผิดนัดชำระหนี้ที่เกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่ได้รับการผ่อนผัน
- ซึ่งผู้กู้ยืมที่ประสงค์ขอผ่อนผันการชำระหนี้ต้องไม่มียอดค้างชำระ
- ผู้กู้ยืมสามารถดูรายละเอียดคุณสมบัติตามประกาศเงื่อนไขหลักเกณฑ์ที่กองทุนฯ กำหนด โดยดูรายละเอียดได้ที่ www.studentloan.or.th หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ไลน์บัญชีทางการ กยศ.
มาตรการช่วยเหลือของธนาคารเอกชน
สำนักงานประกันสังคม
มาตรการการช่วยเหลือและเยียวยาประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยและดินโคลนถล่ม
- ที่ประชุมคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดประกันสังคม) มีมติเห็นชอบให้ลดการส่งเงินสมทบของฝ่ายนายจ้างสถานประกอบการและฝ่ายลูกจ้างร้อยละ 2 ให้เหลือจ่ายร้อยละ 3 (จากที่ถูกหักจากเงินเดือนร้อยละ 5) ตั้งแต่งวดเดือนตุลาคม 2567 และจะมีการผ่อนผันไปถึงเดือนมีนาคม 2568 รวมเป็นระยะเวลา 6 เดือน
ลดเหลือ 3% ต้องจ่ายประกันสังคม ม. 33 เท่าไหร่
- ผู้ประกันตนประกันสังคม ม.33 จะต้องจ่ายเงินสมทบ 5% ของรายได้ต่อเดือน โดยคิดจากฐานค่าจ้างขั้นต่ำสุดที่ 1,650 บาท/เดือน และสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท/เดือน
- ดังนั้นผู้ประกันตนที่ได้รับเงินค่าจ้างต่ำสุด จะต้องจ่ายเงินสมทบอยู่ที่ 83 บาท/เดือน
- ส่วนผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป จะต้องจ่ายเงินสมทบจำนวน 750 บาท/เดือน
- ยกตัวอย่างเช่น
- ผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป เดิมจ่าย 5% คิดเป็น 750 บาท ลดเหลือ 3% จะจ่าย 450 บาท
- ส่วนนายจ้าง เดิมจ่าย 5% คิดเป็น 750 บาท ลดเหลือ 3% จะจ่าย 450 บาท เงินสมทบจากรัฐ 2.75%
- อ่านเพิ่มเติม
- ผู้ประกันตนประกันสังคม ม.33 จะต้องจ่ายเงินสมทบ 5% ของรายได้ต่อเดือน โดยคิดจากฐานค่าจ้างขั้นต่ำสุดที่ 1,650 บาท/เดือน และสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท/เดือน
กรมสรรพากร ออกมาตรการลดหย่อนภาษีช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 อนุมัติหลักการมาตรการภาษีช่วยค่าซ่อมบ้านและมาตรการภาษีช่วยค่าซ่อมรถ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม – 31 ธันวาคม 2567
1. มาตรการภาษีช่วยค่าซ่อมบ้าน ให้ผู้มีเงินได้ (ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคล)
- หักลดหย่อนค่าซ่อมแชมบ้าน ที่จ่ายไประหว่างวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน 100,000 บาท
- ทั้งนี้ บ้านที่ได้รับความเสียหายต้องอยู่ในพื้นที่ที่ทางราชการประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยหรือเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
2. มาตรการภาษีช่วยค่าซ่อมรถ ให้ผู้มีเงินได้ (ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคล)
- หักลดหย่อนค่าซ่อมแชมรถที่จ่ายไประหว่างวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน 30,000 บาท
- ทั้งนี้ รถที่ได้รับความเสียหายต้องอยู่ในพื้นที่ที่ทางราชการประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยหรือเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน”
หมายเหตุ สามารถเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ที่ทางราชการประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยหรือเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินได้ที่เว็บไซต์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย https://datacenter.disaster.go.th/datacenter/
มาตรการช่วยเหลือด้านอื่น ๆ
มาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบอุทกภัย
ครม.เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับค่าไฟฟ้าในเดือนกันยายน ถึงเดือนตุลาคม 2567
- เดือนกันยายน จะไม่เรียกเก็บค่าไฟฟ้า
- เดือนตุลาคม จะให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 30 โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม
การประปาส่วนภูมิภาค
กปภ. จัดให้! 5 มาตรการ ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย
- มาตรการที่ 1 สนับสนุนน้ำดื่มบรรจุขวดและน้ำประปา เพื่ออุปโภคบริโภคให้เพียงพอ
- มาตรการที่ 2 ช่วยเหลือน้ำประปาฟรี เพื่อทำความสะอาดบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
- มาตรการที่ 3 ยกเว้นการเก็บค่าน้ำประปาและค่าบริการทั่วไป ในเดือนที่เกิดอุทกภัยในพื้นที่ ซึ่งหน่วยงานราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากอุทกภัย ให้แก่
– ผู้ใช้น้ำประเภทที่อยู่อาศัย เช่น บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ หอพัก คอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนท์ ห้องแถว สถานที่พักอาศัยที่มีการค้าขายด้วยตนเอง สถานที่พักอาศัยของรัฐ เป็นต้น
– ธุรกิจขนาดเล็ก ได้แก่ สถานที่ที่อาจมีการอยู่อาศัยหรือค้าขาย ประกอบการหรือรับจ้าง อุตสาหกรรมในครัวเรือน เช่น โฮมสเตย์ เป็นต้น - มาตรการที่ 4 ขยายเวลาค้างชำระค่าน้ำประปาของผู้ใช้น้ำทุกประเภท เป็นระยะเวลา 60 วัน นับตั้งแต่เดือนที่ประสบอุทกภัย ซึ่งหน่วยงานราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติอุทกภัย
- มาตรการที่ 5 การผ่อนชำระค่าน้ำ หากครบกำหนดชำระเงินค่าน้ำแล้ว ผู้ใช้น้ำไม่สามารถชำระค่าน้ำได้ครบตามจำนวน สามารถขอผ่อนชำระค่าน้ำได้ที่ กปภ.สาขาในพื้นพื้นที่
พม. ตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว 34 แห่ง
หน่วยงานของกระทรวง พม. ได้เปิดพื้นที่ตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว จำนวน 34 แห่ง ใน 13 จังหวัด ของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่
ภาคเหนือ | ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | |
|
|
ศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดตั้ง “ศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ” (ศบปภ.) หรือ Disaster Care Center for the Vulnerable (DCCV) ให้มีบทบาทสำคัญในการเป็นกลไกการขับเคลื่อนงานให้ความช่วยเหลือ ดูแล และเยียวยากลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติเชิงรุก โดยมีหน้าที่รับผิดชอบสำคัญ อาทิ
- เป็นศูนย์กลางในการให้ความช่วยเหลือ ดูแล และเยียวยากลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ
- เป็นศูนย์กลางในการกำกับ ติดตาม และประเมินผลการให้ความช่วยเหลือฯ และ
- เป็นศูนย์กลางในการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ทางสังคมเชิงรุก ตลอดจนสร้างการรับรู้แก่ทุกภาคส่วนในการช่วยเหลือฯ
การรับบริจาค
บริจาคเงิน
สำนักนายกรัฐมนตรี
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาทำเนียบรัฐบาล
- ชื่อบัญชี “กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี”
- เลขที่บัญชี 067-0-06895-0
- ยอดเงินบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
สภากาชาดไทย
- บริจาคผ่านบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย ชื่อบัญชี “สภากาชาดไทย เพื่อภัยพิบัติ” ประเภทบัญชี “กระแสรายวัน” เลขที่บัญชี 045-3-04637-0
- บริจาคผ่านเว็บไซต์ ในชื่อโครงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ระหว่าง 28 ส.ค. – 30 ก.ย. 67
- สามารถลดหย่อนภาษี ได้ 2 เท่า
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
ขอเชิญชวนร่วมช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง ผ่านสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี
- บัญชี ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
- ชื่อบัญชี สภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี เพื่อช่วยเหลือภัยพิบัติฉุกเฉิน เลขที่บัญชี 034-1-09640-7
บริจาคสิ่งของ
กรุงเทพมหานคร เปิดรับบริจาคสิ่งของช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบอุทกภัย
- รับบริจาคสิ่งของ (งดรับบริจาคเงิน) เช่น
- ข้าวสาร อาหารแห้ง
- อาหารกระป๋องพร้อมทาน
- เครื่องปรุงรส หรือน้ำมันพืช
- ยาสามัญประจำบ้านและเวชภัณฑ์
- อุปกรณ์ทำความสะอาด
- ถุงบรรจุของยังชีพ
- สามารถบริจาคได้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2567 เป็นต้นไปที่ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) และ สำนักงานเขต 50 เขตใกล้บ้าน
- รับบริจาคสิ่งของ (งดรับบริจาคเงิน) เช่น
การรถไฟแห่งประเทศไทย ตั้งศูนย์ “ห่วงใย”
การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดตั้งศูนย์ “ห่วงใย” ขึ้นที่ ตึกบัญชาการรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทย เชิงสะพานนพวงษ์ (ตรงข้ามโรงเรียนเทพศิรินทร์) เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดเตรียมถุงยังชีพ และรับหน้าที่ประสานงานการรับบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภค น้ำดื่ม อาหารกระป๋อง ยารักษาโรค เครื่องใช้ที่จำเป็น เพื่อรวบรวมนำไปจัดส่งทางรถไฟ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน
ผู้สนใจร่วมบริจาคสิ่งของสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
- การรถไฟแห่งประเทศไทย รองเมือง ปทุมวัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0-2220-4261
- ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690
- เฟซบุ๊ก แฟนเพจทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย ตลอด 24 ชั่วโมง
ไปรษณีย์ไทย
- ไปรษณีย์ไทย ขอเชิญร่วมบริจาคสิ่งของในแคมเปญ “ไปรษณีย์ไทย เชื่อมโยงน้ำใจ ส่งต่อผู้ประสบภัยน้ำท่วม” ส่งฟรี
- น้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม/ ชิ้น / กล่อง
- ณ ไปรษณีย์ทั่วประเทศ
- ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2567
- ไปรษณีย์ไทย ขอแนะนำสิ่งของที่ต้องการรับบริจาค ในแคมเปญ “ไปรษณีย์ไทย เชื่อมโยงน้ำใจ ส่งต่อผู้ประสบภัยน้ำท่วม”
ส่งฟรี
สิ่งของรับบริจาค
– เครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ หม้อหุงข้าว กาต้มน้ำ กระทะไฟฟ้า
– อุปกรณ์ครับ อาทิ ช้อน ส้อม จาน ถ้วย
– อุปกรณ์ทำความสะอาด อาทิ ถุงขยะ แปรงขัดพื้น สายยาง รองเท้าบูธ
– ชุดเครื่องนอน อาทิ หมอน ผ้าห่ม มุ้ง
– อาหารสำเร็จรูปพร้อมทานงดรับบริจาค
– เสื้อผ้า อาหารสด ของเน่าเสียง่ายหรือหมดอายุ ของที่อาจแตกหักเสียหาย และน้ำหรือของเหลวที่มีโอกาสแตกรั่วบรรจุสิ่งของ และหุ้มห่อให้เรียบร้อย พร้อมจ่าหน้าและระบุประเภทสิ่งของ
น้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม/ ชิ้น / กล่อง
ส่งฟรี!! ณ ไปรษณีย์ทั่วประเทศ (ยกเว้น ที่ทำการไปรษณีย์อนุญาต (ปณอ.) และร้านไปรษณีย์ไทย (ปณร.))
ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. – 10 ต.ค. 2567
- รายละเอียดที่อยู่ของผู้รับบริจาค
- ไปรษณีย์ไทย ขอเชิญร่วมบริจาคสิ่งของในแคมเปญ “ไปรษณีย์ไทย เชื่อมโยงน้ำใจ ส่งต่อผู้ประสบภัยน้ำท่วม” ส่งฟรี
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
โครงการ “ทช. ร่วมปันน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย” โดยรวบรวมส่งไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
ตัวอย่างสิ่งของที่รับบริจาค ดังนี้
- น้ำดื่ม
- อาหารแห้ง
- นมผงสำหรับเด็กที่มีปัญหาระบบการย่อย
- ยารักษาโรค
- อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้าน
- ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
- สิ่งของเครื่องใช้ที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน
รายละเอียดเพิ่มเติม
- สถานที่รับบริจาค สลก. ชั้น 5 ทช.
- สอบถามได้ที่ ส่วนอำนวยการฯ โทร.021 414 687
แนะนำ/แจ้งเตือน
ข้อแนะนำประชาชน
- การเตรียมตัวเมื่อฝนตกหนัก ฝนตกต่อเนื่อง ระดับน้ำขึ้นสูง
- วิธีสังเกตน้ำป่าไหลหลากในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์
- เทคนิคเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ
- เตรียมรับมือน้ำท่วมอย่างไรให้ปลอดภัย
- เตรียมของสำรองไว้ อุ่นใจ ใช้ยามน้ำท่วม
- เทคนิคเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ
- ติดตามพยากรณ์อากาศและปริมาณน้ำในพื้นที่อยู่เสมอ
- รับมือ น้ำท่วม อย่างปลอดภัย
- 4 วิธีป้องกันน้ำท่วมบ้านแบบง่ายๆ
- เตรียมดูแลผู้สูงอายุอย่างไรในภาวะน้ำท่วม
- 7 สิ่งที่ต้องมี เพื่อเอาตัวรอดจากภัยธรรมชาติ
- 7 เช็กลิสต์ เตรียมพร้อมป้องกันอุบัติภัยจากไฟฟ้าช่วงหน้าฝน
- 5 เช็กลิสต์ในการขับรถช่วงหน้าฝน
- วิธีรับมือ – ลดผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่ง
- วิธีการรับมือน้ำท่วม อย่างปลอดภัย ในช่วงฤดูฝน
- วิธีการเอาตัวรอดจากพายุหมุนเขตร้อนอย่างปลอดภัย
- 5 แอปพลิเคชัน เช็คน้ำท่วมและสภาพอากาศ
- ปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุที่ควรระวัง เมื่อต้องขับขี่รถยนต์ในช่วงหน้าฝน
- แนะนำการย้ายอุปกรณ์ไฟฟ้า การเลื่อน ย้ายปลั๊กไฟฟ้า และมิตเตอร์ไฟฟ้า ให้พ้นจากระดับน้ำท่วมถึง และบริการด้านการความช่วยเหลือด้านระบบไฟฟ้า เลื่อนย้ายปลั๊กไฟฟ้า และมิเตอร์ไฟฟ้า ของการไฟฟ้านครหลวง
- เตรียมความพร้อมรับมือการเกิดอุทกภัย ในสถานที่เก็บรักษาวัตถุอันตราย
คำแนะนำทั่วไปในช่วงน้ำท่วม
- เตรียมพร้อมรับมือและดำเนินชีวิตได้อย่างปลอดภัยเมื่อเกิดน้ำท่วม
- สิ่งสำคัญในการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัย เมื่อน้ำท่วมบ้าน
- สิ่งที่ต้องระวัง ในช่วงน้ำท่วม
- ปฏิบัติตนอย่างไร ให้ปลอดภัยจากอันตรายที่มากับน้ำท่วม
- การสื่อสารอย่างไรให้เกิดความหวังในช่วงน้ำท่วม
- แนะนำเบอร์ฉุกเฉินช่วยเหลือ “น้ำท่วม 6 จังหวัดภาคเหนือ 2567”
- แนะนำเกษตรกรดูแลแปลงหม่อนในสถานการณ์น้ำท่วม ทั้งระหว่างน้ำท่วมขังและหลังน้ำลด
- การปรับปรุงคุณภาพน้ำ สำหรับใช้ในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน
ไฟฟ้า
การขับขี่รถ
- น้ำท่วมแค่ไหนควรขับไปต่อ
- เมื่อเจอเหตุน้ำท่วมขังต้องขับรถและปฏิบัติอย่างไร
- 6 เทคนิค ขับรถผ่านเส้นทางดินโคลนและการแก้ไขรถติดหล่มโคลน
- เทคนิคกู้รถดับระหว่างขับลุยน้ำท่วม อย่างปลอดภัย
- เทคนิครับมือรถดับขณะลุยน้ำท่วม
- เทคนิคการขับขี่รถยนต์อย่างปลอดภัย ป้องกันรถเหินน้ำ
- 4 ปัจจัย เสี่ยงการเกิดรถเหินน้ำ (Hydroplaning)
- Tricks ขี่มอเตอร์ไซด์ ปลอดภัยในช่วงน้ำท่วม
- 5 สิ่งต้องระวังเมื่อขับขี่มอเตอร์ไซค์ในช่วงหน้าฝน
- 5 ทริกขับรถลุยแอ่งน้ำหรือน้ำท่วมขังในช่วงฝนตก
โรคและการป้องกัน
- วิธีป้องกัน โรคท้องร่วงที่มากับน้ำท่วม
- 7 วิธี ป้องกันโรคตาติดเชื้อ ที่มากับน้ำท่วม
- วิธีป้องกันเชื้อโรค เมื่อเจอน้ำท่วม
- โรคที่มากับหน้าฝน ไข้หวัดใหญ่
- 5 สมุนไพร รักษาโรคผิวหนังและโรคน้ำกัดเท้า ในช่วงฤดูฝน
- การป้องกันอันตรายจากสัตว์มีพิษและของมีคม
- ข้อควรระวัง เสื้อผ้าบริจาคช่วยน้ำท่วม กับ 4 โรคผิวหนังที่สามารถติดผ่านเสื้อผ้าได้
- การป้องกันโรคที่พบได้ใน”ศูนย์พักพิงอุทกภัย”
- แนะนำการจัดการสุขาภิบาลและอนามัยสิ่งแวดล้อม รองรับน้ำท่วมในศูนย์อพยพ
การดูแลสุขภาพ
ขยะและสิ่งปฏิกูล
- เตรียมตัวเข้าบ้านหลังน้ำลด
- การจัดการส้วม หลังน้ำท่วม
- 10 วิธีล้างโคลนหลังน้ำลด
- วิธี รื้อ ล้าง หลังน้ำลด
- “คู่มือตรวจสอบและซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลด” ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพื้นที่น้ำท่วม
- 4 สิ่งที่ต้องทำ หลังพืชผลโดนน้ำท่วม
- วิธีฟื้นฟูและดูแลสวนไม้ผลหลังน้ำลด
- วิธีดูแลรถหลังถูกน้ำท่วม เมื่อรถยนต์ถูกน้ำท่วมทั้งคัน ต้องทำอย่างไร
- แนวทางการจัดการขยะหลังเกิดอุทกภัย
- แนวทางการจัดการขยะ หลังน้ำลด
- การป้องกันฝุ่นละออง ระยะฟื้นฟูหลังน้ำท่วม
- น้ำเสียหลังน้ำท่วมจัดการได้ด้วย ❝อีเอ็ม❞
ลักทรัพย์ในพื้นที่ “น้ำท่วม” ซ้ำเติมผู้เดือดร้อน โทษหนักขึ้น
- ต้องรับโทษสูงกว่าการลักทรัพย์โดยปกติ
- ลักทรัพย์ (ธรรมดา) มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 60,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
- ลักทรัพย์ในสถานการณ์น้ำท่วม ซ้ำเติมประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 100,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ( 2 )
- แจ้งเหตุ ขอความช่วยเหลือ โทร.191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง
- ต้องรับโทษสูงกว่าการลักทรัพย์โดยปกติ
กระทรวงพาณิชย์ สั่งห้ามรถตักโคลนขึ้นราคาเด็ดขาด
กระทรวงพาณิชย์ สั่งการกรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด กำกับดูแลให้มีการปิดป้ายแสดงราคาค่าบริการรถตักดิน และเข้มงวดไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นค่าบริการรถตักดินอย่างไม่เป็นธรรมกับประชาชน
หากพบการกระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด
- กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคา จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- กรณีจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้าและบริการที่ไม่เป็นเป็นธรรม
- สามารถร้องเรียนได้ที่
– สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569
– สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ - อ่านเพิ่มเติม
- สามารถร้องเรียนได้ที่
ติดตามสถานการณ์/ข่าวสาร แจ้งขอรับความช่วยเหลือ
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
- ติดตามการรายงานสถานการณ์ ข่าวสารสาธารณภัย
- Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM
- X @DDPMNews
- ติดตามการประกาศแจ้งเตือนภัย
- แอปพลิเคชัน “Thai Disaster Alert” ทั้งระบบ IOS และ Android
- หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้
- ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM **สามารถแชร์พิกัดแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันที
- สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
- ติดตามการรายงานสถานการณ์ ข่าวสารสาธารณภัย
ขอความช่วยเหลือผ่าน “ไลน์ Traffy Fondue”
ต้องการความช่วยเหลือ/ขอรับความช่วยเหลือ
- ได้รับผลกระทบ น้ำท่วม ดินโคลนถล่ม น้ำป่าไหลหลาก
- ศูนย์ดำรงธรรม ☎️ โnร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง
- ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วม หรือที่พักอาศัยมีดินโคลนปกคลุม และเกิดทรุดและชำรุด
- สายด่วนกรมทางหลวง ☎️ โทร. 1586 ตลอด 24 ชั่วโมง
- สอบถามสถานการณ์น้ำท่วม / แจ้งเรื่องร้องเรียน / ขอความช่วยเหลือ
- สายด่วน ☎️ 1111 โทรฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง
- ได้รับผลกระทบ น้ำท่วม ดินโคลนถล่ม น้ำป่าไหลหลาก
ข่าวสารเส้นทาง
- สรุปสถานการณ์อุทกภัยบนทางหลวงของกรมทางหลวง
- สถานการณ์อุทกภัยของกรมทางหลวงชนบท
(เส้นทางที่เกิดอุทกภัย ทั้งเส้นทางที่ผ่านได้ และผ่านไม่ได้)
สภาพอากาศ
- ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ
- สอบถามพยากรณ์อากาศได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ได้ที่
☎ 053-277-919 , 061-272-6699
สถานการณ์น้ำ/ระดับน้ำ
สถานการณ์ภัยพิบัติด้านอื่น ๆ
อื่น ๆ
- สภากาชาดไทย ขอกำลังอาสาร่วมแพ็คถุงยังชีพ มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) วันที่ 18 – 19 กันยายน 2567
- บสย. เปิด “ศูนย์ซ่อมวีลแชร์ฯ” ช่วย “กลุ่มเปราะบาง” น้ำท่วมภาคเหนือซ่อมวีลแชร์ ฟรี ให้คนพิการ
- ธอส. ร่วมมือ ไทวัสดุ จัดโปรโมชันพิเศษ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ภายใต้โครงการ GHB Big Family
- ช่องทางแลกธนบัตรชำรุดเพิ่มเติมรองรับสถานการณ์น้ำท่วม
ข่าวอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567
- กรมชลประทาน ระบายน้ำเพิ่มรับมือมวลน้ำเหนือ–ฝนระลอกใหม่
- บสย. เร่งช่วยผู้ประสบอุทกภัย ลูกค้า-ลูกหนี้ พักชำระค่าธรรมเนียม-ค่าจัดการค้ำฯ-ค่างวด นานสูงสุด 6 เดือน
- อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ประกาศปิดการให้บริการลานกางเต็นท์บริเวณอ่าวไม้งาม เป็นการชั่วคราว
- กรมบัญชีกลาง อนุมัติขยายวงเงิน 30 ล้านบาท ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมอยุธยา
- ปภ. แจ้งเตือนเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่ม 3 อำเภอ จ.อ่างทอง ให้ยกของขึ้นที่สูง
- ปภ. แจ้งเตือนแม่น้ำป่าสักล้นตลิ่ง อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์
- จังหวัดสมุทรปราการ สั่งตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนรับมือสถานการณ์น้ำท่วม
- ปภ. ประสาน 10 จังหวัดภาคกลาง และกรุงเทพฯ เฝ้าระวังระดับน้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น 5 ก.ย. 68 เป็นต้นไป
- เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ แจ้งเตือนประชาชนยกของขึ้นที่สูง หลังน้ำท่วมขังเพิ่มสูงต่อเนื่อง
- กรมบัญชีกลาง อนุมัติวงเงินด่วนเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคเหนือและภาคกลางตอนบน
🗓️มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
— ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC1111) (@GCC_1111) October 3, 2024
🏘️สำหรับช่วยเหลือครัวเรือนและค่าซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย#น้ำท่วม67 #อุทกภัย67 #ประสบภัย67 #ช่วยเหลือเยียวยา67 #ช่วยเหลือน้ำท่วมปี67
รายละเอียดเพิ่มเติม >> https://t.co/9kzY9O4cQnช่วยเหลือน้ำท่วม67/ pic.twitter.com/JrMWVZSKtu
ที่มา
- https://www.thaipbs.or.th/news/content/344319
- https://prachatai.com/journal/2024/09/110790
- https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/39/iid/325064
- https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/39/iid/319229
- https://www.facebook.com/photo/?fbid=835067948799611
- https://www.facebook.com/photo/?fbid=829893195983753
- https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/88350
- กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีจ่ายเงิน
- ส.ป.ก. ประกาศมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ
- กยศ. ผ่อนผันการชำระหนี้ ช่วยเหลือผู้กู้ยืมที่ประสบอุทกภัยในภาคเหนือ
- การประปาส่วนภูมิภาค จัด 5 มาตรการ ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย
- พม. ตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว 34 แห่ง ในภาคเหนือรวมถึงภาคอีสาน รวม 13 จังหวัด
- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ขอเชิญช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ผ่านสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
- กรุงเทพมหานคร เปิดรับบริจาคสิ่งของช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบอุทกภัย
- รฟท. ตั้งศูนย์ “ห่วงใย” พร้อมเป็นสื่อกลางรับบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งลักทรัพย์ในพื้นที่ “น้ำท่วม” โทษหนักขึ้น ต้องรับโทษสูงกว่าการลักทรัพย์โดยปกติ
- ครม. เห็นชอบงดเก็บค่าไฟฟ้า เดือน ก.ย. และ ลด 30% ในเดือน ต.ค. 67 ให้ปชช.พื้นที่ประสบอุทกภัย
- กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แนะนำ 2 ช่องทางขอรับเงินช่วยเหลือน้ำท่วม
- กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จัดโครงการ ทช. ร่วมปันน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
- กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ออกมาตรการเยียวยาผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมในภาคเหนือและภาคอีสาน
- SME D Bank ออกมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีประสบสาธารณภัยทั่วประเทศ พักหนี้เงินต้น-ดอกเบี้ย 12 เดือน
- https://www.facebook.com/photo/?fbid=934210345407375
- https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/88894
- https://www.thaipbs.or.th/news/content/345094