กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แนะนำเทคนิคกู้รถดับระหว่างขับลุยน้ำท่วม อย่างปลอดภัย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แนะนำเทคนิคกู้รถดับระหว่างขับลุยน้ำท่วม อย่างปลอดภัย ข้อควรปฏิบัติกรณีรถดับขณะขับผ่านเส้นทางน้ำท่วม มีดังนี้
- ห้ามพยายามสตาร์ทรถเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าไปในห้องเครื่องยนต์
- ประสานขอนำรถออกจากพื้นที่เพื่อขอความช่วยเหลือในการเข็นรถหนีน้ำไปที่สูงหรือที่แห้ง
- เปิดฝากระโปรง เพื่อตรวจสอบรถจะได้ทราบสาเหตุรถดับจากน้ำเข้าระบบกรองอากาศหรือดับจากระบบไฟฟ้าเปียกน้ำ
- รอให้รถแห้งจอดรถตากแดดแล้วเปิดประตูทิ้งไว้ทุกบาน
- เปิดไฟฉุกเฉิน แจ้งผู้ใช้ถนนให้ระมัดระวังเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
- รถสตาร์ทไม่ติด ให้เอาเข้าอู่พบช่างผู้เชี่ยวชาญทันที
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะการกู้รถดับระหว่างขับลุยน้ำท่วมอย่างปลอดภัย ให้รีบนำรถออกจากบริเวณน้ำท่วมโดยใช้วิธีลากจูงรถ หากนำรถออกไปไม่ได้ให้ใช้แม่แรงยกรถให้สูงพ้นระดับน้ำ ห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาด พร้อมปิดระบบแอร์และถอดขั้วแบตเตอรี่ออกให้หมด เปลี่ยนถ่ายของเหลวและระบบกรอง เพื่อไม่ให้มีฝุ่นหรือดินโคลนตกค้างภายในเครื่องยนต์ นำรถไปตากแดดหรือใช้สเปรย์ฉีดจากชิ้นส่วนต่างๆ ในรถ เพื่อไล่ความชื้นออก หากเครื่องยนต์มีอาการผิดปกติควรนำรถเข้า ศูนย์บริการไม่ฝืนนำรถไปใช้ต่อ
นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ช่วงนี้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายพื้นที่ประสบเหตุน้ำท่วม ส่งผลให้ถนนบางสายมีน้ำท่วมขังสูงและน้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งการขับรถผ่านเส้นทางน้ำท่วม มีความเสี่ยงที่เครื่องยนต์จะดับกลางน้ำได้ เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะข้อควรปฏิบัติกรณีรถดับขณะขับผ่านเส้นทางน้ำท่วม ดังนี้ ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์อย่างเด็ดขาด ให้ใช้วิธีลาก จูง รีบนำรถออกจากบริเวณน้ำท่วมโดยเร็วที่สุด กรณีไม่สามารถลากรถให้พ้นจากเส้นทางที่มีน้ำท่วมได้ ให้นำแม่แรงงัดรถให้สูงขึ้น เพื่อยกรถหนีน้ำ หรือนำอุปกรณ์ไปหนุนหรือไปค้ำยางรถยนต์ทั้ง 4 ล้อ ให้สูงกว่าระดับน้ำท่วม พร้อมปิดระบบแอร์และถอดขั้วแบตเตอรี่ออกให้หมด เพื่อป้องกันระบบไฟช็อตลัดวงจรจนเครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย ก่อนนำรถไปใช้ควรเปลี่ยนถ่ายของเหลวและระบบกรองอากาศ เพื่อไม่ให้มีฝุ่นหรือดินโคลนตกค้างภายในเครื่องยนต์ พร้อมเปิดระบายน้ำที่อาจตกค้างภายในอุปกรณ์รถหรือเครื่องยนต์ให้ระเหยออกมาให้หมด โดยจอดรถตากแดด เป่าด้วยลมร้อน หรือใช้สเปร์ยไล่ความชื้นจนชิ้นส่วนต่างๆ แห้งสนิท พร้อมสังเกตอาการของเครื่องยนต์เดินไม่สะดุดและใช้งานได้ตามปกติ รวมทั้งทดลองการเข้าเกียร์ในทุกตำแหน่งและระบบเบรกว่าใช้งานได้ดี รวมถึงระบบไฟส่องสว่างหากไม่สามารถใช้งานได้ให้เปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ หากพบว่ารถมีอาการผิดปกติให้ผู้ขับขี่นำรถเข้าศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถ เพื่อตรวจสอบระบบเครื่องยนต์โดยละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ หากผู้ขับขี่ไม่เรียนรู้ข้อควรปฏิบัติอย่างปลอดภัย จะทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหายมากขึ้น ท้ายนี้ หากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุบัติภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ. รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID 1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ที่มา : https://shorturl.asia/bA03n