ด้วยกองทัพบก จะทําการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจําการ ประจําปี 2568 ตั้งแต่วันที่ 1-12 เมษายน 2568 (เว้นวันที่ 6 เมษายน 2568 (วันจักรี)) เป็นต้นไป จนกว่าการตรวจเลือกฯ จะแล้วเสร็จ จึงขอประกาศให้ทหารกองเกินและประชาชนได้ทราบถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องและแนวทางการปฏิบัติที่เกี่ยวกับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจําการ ดังนี้
กำหนดวัน และสถานที่ทำการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2568 (ปรับปรุงข้อมูลเมื่อ 14 มี.ค. 68)
- ภาคกลาง (กองทัพภาคที่ 1) ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, กาญจนบุรี, จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ชัยนาท, ตราด, นครนายก, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, ประจวบคีรีขันธ์, ปราจีนบุรี, พระนครศรีอยุธยา, เพชรบุรี, ระยอง, ราชบุรี, ลพบุรี, สมุทรปราการ, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร, สระแก้ว, สระบุรี, สิงห์บุรี, สุพรรณบุรี และอ่างทอง
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (กองทัพภาคที่ 2) ได้แก่ กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครพนม, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, มหาสารคาม, มุกดาหาร, ยโสธร, ร้อยเอ็ด, เลย, ศรีสะเกษ, สกลนคร, สุรินทร์, หน่องคาย, หนองบัวลำภู, อำนาจเจริญ, อุดรธานี, อุบลราชธานี และบึงกาฬ
- ภาคเหนือ (กองทัพภาคที่ 3) ได้แก่ กำแพงเพชร, เชียงราย, เชียงใหม่, ตาก, นครสวรรค์, น่าน, พะเยา, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, ลำพูน, สุโขทัย, อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี
- ภาคใต้ (กองทัพภาคที่ 4) ได้แก่ กระบี่, ชุมพร, ตรัง, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส, ปัตตานี, พังงา, พักลุง, ภูเก็ต, ยะลา, ระนอง, สงขลา, สตูล และสุราษฎร์ธานี
ระบบแสดงความจำนงเลือกหน่วยทหาร สำหรับผู้สมัครใจรับราชการทหารกองประจำการในวันตรวจเลือกฯ ประจำปี 2568
1. ผู้ที่อยู่ในกําหนดเรียกไปเข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหาร กองประจําการ ประจําปี 2568
- ชายสัญชาติไทย
- คนเกิดพุทธศักราช 2547 ซึ่งมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์
- คนเกิด พุทธศักราช 2539 ถึง พุทธศักราช 2546 ซึ่งมีอายุ 22 ถึง 29 ปีบริบูรณ์ ที่ยังไม่เคยเข้ารับ การตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจําการ หรือผู้ที่มีผลการตรวจเลือกฯ ยังไม่แล้วเสร็จ ทุกกรณี
- ให้ไปเข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจําการ ตามวัน เวลา และ สถานที่ที่กําหนดไว้ในหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.35) ของนายอําเภอภูมิลําเนาทหารรวมถึงผู้ที่ พํานักพักอาศัยอยู่ต่างประเทศหรือบุคคลที่มีสองสัญชาติ แต่ยังคงมีสัญชาติไทยและมีอายุอยู่ในกําหนดที่จะต้องเข้ารับการตรวจเลือกฯ ก็จะต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกําหนดทุกประการ
2. หลักฐานที่ต้องนําไปในวันตรวจเลือกฯ
หลักฐานสำหรับผู้ที่จะต้องไปเข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจําการ
- ใบสําคัญ (แบบ สด.9)
- บัตรประจําตัวประชาชน
- หมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.35)
- ใบสําคัญ ความเห็นแพทย์ หรือประวัติการรักษา (ถ้ามี)
- หลักฐานสําเร็จการศึกษา (สําหรับผู้ที่สําเร็จการศึกษาตั้งแต่ ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าขึ้นไป) หรือหนังสือสําคัญแสดงวิทยฐานะของผู้สําเร็จการฝึกวิชาทหาร ชั้นปีที่ 1 หรือชั้นปีที่ 2 หรือหนังสือรับรองดังกล่าว ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร ไปแสดงต่อ คณะกรรมการตรวจเลือกด้วย
ผู้ใดหลีกเลี่ยงหรือขัดขืน
- ไม่ไปรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.35)
- หรือไม่ไปเข้ารับการตรวจเลือกฯ ตามกําหนดในหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.35)
- หรือไปแต่ไม่เข้ารับ การตรวจเลือกฯ หรือไม่อยู่จนการตรวจเลือกฯ จะแล้วเสร็จ
- ถือว่ามีความผิดต้องได้รับโทษตามกฎหมาย
3. การลงบัญชีทหารกองเกิน
- ชายสัญชาติไทย
- คนเกิด พุทธศักราช 2547 ซึ่งมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์
- คนเกิด พุทธศักราช 2539 ถึง พุทธศักราช 2546 ซึ่งมีอายุ 22 ถึง 29 ปีบริบูรณ์ ในปีพุทธศักราช 2568 ซึ่งอยู่ในกําหนดที่จะต้องไปเข้ารับการตรวจเลือกฯ
- ถ้าหากยังไม่เคยไปลงบัญชีทหารกองเกิน ให้ไปดําเนินการลงบัญชี ทหารกองเกิน ณ ที่สํานักงานเขต/ที่ว่าการอําเภอ ที่บิดา, มารดา หรือผู้ปกครอง ตามกฎหมาย มีภูมิลําเนาอยู่ ภายในวันที่ 10 มีนาคม 2568
4. การรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.35)
- ชายสัญชาติไทย คนเกิด พุทธศักราช 2547 ซึ่งอยู่ในกําหนดที่จะต้องไปเข้ารับการตรวจเลือกฯ ประจําปี 2568 ซึ่งได้ลงบัญชีทหารกองเกินแล้ว
- ให้ไปรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร ณ สํานักงานเขต/ที่ว่าการอําเภอที่ได้เคยไปลงบัญชีทหารกองเกินไว้ (เขต/อําเภอภูมิลําเนาทหาร) ภายในเดือน ธันวาคม 2567
- ถ้าหากไม่สามารถไปรับด้วยตนเองได้ จะต้องมีหนังสือมอบอํานาจให้ผู้ที่บรรลุนิติภาวะและ พอจะเชื่อถือได้ไปรับแทน
- ผู้ที่ไม่ไปรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.๓๕) ภายในกําหนดจะมีความผิด ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย
5. การย้ายภูมิลําเนาทหาร
- ผู้ที่อยู่ในกําหนดเข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจําการ
ปี 2568 ที่มีความประสงค์ที่จะขอย้ายภูมิลําเนาทหาร - จากอําเภอที่เคยไปลงบัญชีทหารกองเกินไว้ (อําเภอภูมิลําเนาทหาร) เพื่อไปเข้ารับการตรวจเลือกฯ ที่อําเภอภูมิลําเนาในปัจจุบัน
- ให้ไปแจ้งขอย้ายภูมิลําเนาทหาร ต่อผู้อํานวยการเขต/นายอําเภอท้องที่ที่ตนเอง มีภูมิลําเนาอยู่ในปัจจุบัน ภายในเดือน มกราคม ๒๕๖๘
6. การขอยกเว้นไม่ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจําการ หรือยกเว้นไม่เรียกเข้ากองประจําการในยามปกติ
ผู้ที่อยู่ในกําหนดเข้ารับการตรวจเลือกฯ จะมีสิทธิขอยกเว้นฯ ต่อเมื่อเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
6.1 พระภิกษุที่มีสมณศักดิ์หรือที่เป็นเปรียญ
- ให้ยื่นคําร้องต่อผู้อํานวยการเขต/นายอําเภอภูมิลําเนาทหาร ภายในเดือน มีนาคม 2568
6.2 พระภิกษุ สามเณร และนักบวชในพระพุทธศาสนาแห่งนิกายจีนหรือญวน ซึ่งเป็นนักธรรมตามที่กระทรวงศึกษาธิการรับรอง
- ให้ยื่นคําร้องต่อผู้อํานวยการเขต/นายอําเภอภูมิลําเนาทหาร ภายใน เดือน มีนาคม 2568 หรือจะไปยื่นคําร้องต่อคณะกรรมการตรวจเลือก ในวันเข้ารับการตรวจเลือกฯ ตามที่ กําหนดในหมายเรียกฯ (แบบ สด.35) ของนายอําเภอภูมิลําเนาทหาร
6.3 นักบวชศาสนาอื่นซึ่งมีหน้าที่ประจําในกิจของศาสนาตามที่กําหนดในกฎกระทรวง
- จะได้รับการยกเว้นต่อเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดอนุมัติให้ยกเว้นฯ และได้ออกใบสําคัญยกเว้น (แบบ สด.36) ให้ไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว โดยให้ยื่นคําร้องต่อนายอําเภอท้องที่ที่ซึ่งสุเหร่า อาราม หรือสํานักตั้งอยู่ ภายในเดือน มีนาคม 2568
6.4 บุคคลซึ่งอยู่ในระหว่างการฝึกวิชาทหารตามหลักสูตรที่กระทรวงกลาโหมกําหนด ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร
- ให้ยื่นคําร้องต่อสถานศึกษาวิชาทหาร, ศูนย์การนักศึกษา วิชาทหาร, ศูนย์การฝึก/หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบก ภายในเดือนตุลาคม ของทุกปี
6.5 ครูซึ่งประจําทําการสอนหนังสือ หรือวิชาการต่างๆ ที่อยู่ในความควบคุมของกระทรวง ทบวง กรม หรือราชการส่วนท้องถิ่น
- ให้ยื่นคําร้องต่อหน่วยงานต้นสังกัด และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ส่งรายชื่อครูผู้นั้นไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งครูผู้นั้นทําการสอนอยู่ในท้องที่ภายในเดือน มกราคม 2568
- ครูที่จะได้รับการยกเว้นฯ จะต้องมีคุณสมบัติตามที่กําหนดในกฎกระทรวง และผู้ว่าราชการจังหวัดออกใบสําคัญยกเว้นครู (แบบ สด.37) ให้ไว้เป็นหลักฐาน
- เว้นแต่กรณีการย้ายไปประจําทําการ สอนในสถานศึกษาอื่นนอกจากที่กําหนดไว้ในใบสําคัญยกเว้นครู ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องส่งรายชื่อครูที่ย้ายมาประจําทําการสอนที่จะได้รับการยกเว้นฯ ภายหลังเดือนมกราคม 2568 ได้ แต่ต้องก่อนเดือนเมษายนของทุกปี
6.6 นักศึกษาของศูนย์กลางอบรมการศึกษาผู้ใหญ่ของกระทรวงศึกษาธิการ
6.7 นักศึกษาของศูนย์ฝึกการบินพลเรือนของกระทรวงคมนาคม
6.8 ผู้ที่ได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ
6.9 ผู้ที่ได้รับโทษจําคุก
- โดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุกครั้งเดียวตั้งแต่สิบปีขึ้นไป
- หรือเคยได้รับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุกหลายครั้งรวมกันตั้งแต่สิบปีขึ้นไป
- หรือเคยถูกศาลพิพากษาให้กักกัน
6.10 ผู้ที่มีคุณสมบัติตามข้อ 6.8 และข้อ 6.9
- ให้ยื่นคําร้องต่อผู้อํานวยการเขต/นายอําเภอภูมิลําเนาทหารภายในเดือน มีนาคม 2568
6.11 ผู้ที่มีคุณสมบัติตามข้อ 6.1 – 6.9
- เมื่อให้รับการยกเว้นแล้วไม่ต้องไปแสดงตนในวันตรวจเลือกฯ
7. การขอผ่อนผันของนักเรียนซึ่งออกไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ
- นักเรียนซึ่งออกไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ ตามที่กําหนดในกฎกระทรวง
- จะได้รับการผ่อนผันต่อเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดอนุมัติให้ผ่อนผันฯ และได้ออกหนังสือผ่อนผันการตรวจเลือกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.41) ให้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว
- โดยจะต้องยื่นคําร้องต่อผู้อํานวยการเขต/นายอําเภอภูมิลําเนาทหาร ภายในเดือน มีนาคม 2568 และไม่ต้องไปแสดงตนในวันตรวจเลือกฯ จนกว่าจะหมดเหตุผ่อนผันฯ
8. การขอผ่อนผันของผู้ที่จําเป็นต้องหาเลี้ยงบิดาหรือมารดา หรือบุตร
4.1 ผู้ที่จําเป็นต้องหาเลี้ยงบิดาหรือมารดา
- ซึ่งไร้ความสามารถ หรือพิการทุพพลภาพ หรือชราจนหาเลี้ยงชีพไม่ได้ และไม่มีผู้อื่นเลี้ยงดู
4.2 ผู้ที่จําเป็นต้องหาเลี้ยงบุตร
- ซึ่งมารดาตายหรือไร้ความสามารถ หรือพิการทุพพลภาพ และบุคคลที่จําเป็นต้องหาเลี้ยงพี่ หรือน้องร่วมบิดามารดา หรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา ซึ่งบิดา มารดาตาย เมื่อพี่หรือน้องนั้นหาเลี้ยงชีพไม่ได้ และไม่มีผู้อื่นเลี้ยงดู
4.3 ผู้ที่มีคุณสมบัติตามข้อ 4.1 และข้อ 4.2
- ให้ยื่นคําร้องขอผ่อนผันต่อนายอําเภอท้องที่ ภูมิลําเนาทหารก่อนวันตรวจเลือกฯ ไม่น้อยกว่า 30 วัน
- เพื่อให้นายอําเภอทําการสอบสวนหาข้อเท็จจริงและรวบรวม หลักฐานไว้ชั้นหนึ่งก่อนและเมื่อถึงวันตรวจเลือกฯ ให้นําพยานบุคคลไปแจ้งต่อคณะกรรมการตรวจเลือกอีกครั้งหนึ่งจึงจะได้รับสิทธิ์ผ่อนผัน
กรณีพิเศษที่ไม่ใช่ความผิดของผู้ร้อง
- ให้ผู้ร้องยื่นคําร้องขอผ่อนผันต่อคณะกรรมการ ตรวจเลือกในวันตรวจเลือกฯ ได้ โดยนายอําเภอจะดําเนินการสอบสวน แล้วดําเนินการตามที่กล่าวมาแล้ว
9. การขอผ่อนผันของนักเรียนที่กําลังศึกษาอยู่ภายในประเทศ
4.1 ผู้ที่อยู่ระหว่างการศึกษาหรือเรียนรู้ตามที่กําหนดในกฎกระทรวง ของนักเรียน นิสิต หรือนักศึกษา
- กรณีที่กําลังศึกษาในระบบ, การศึกษานอกระบบ, การศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษาเฉพาะทาง ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ เป็นผู้ที่มีสิทธิที่จะขอผ่อนผันไม่เรียกมาตรวจเลือกฯ
4.2 นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่มีความประสงค์จะขอผ่อนผันไม่เรียกมาตรวจเลือกเข้ารับ ราชการทหารกองประจําการในคราวที่มีคนพอและบุคคลที่มีการเปลี่ยนสถานศึกษา
- ให้ไปยื่นหลักฐานการขอ ผ่อนผันที่สถานศึกษาที่ตนเองสังกัด และต้องปฏิบัติตามกฎ ระเบียบในการขอผ่อนผันฯ ตามที่สถานศึกษานั้น ๆ กําหนด
- โดยสถานศึกษาดังกล่าว จะต้องส่งรายชื่อผู้ที่จะได้รับการผ่อนผันฯ ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดภูมิลําเนาทหาร ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568
- สําหรับผู้ที่เคยยื่นความประสงค์ขอผ่อนผันต่อสถานศึกษาไว้แล้วในปีก่อน ไม่ต้องดําเนินการยื่นขอผ่อนผันใหม่อีกแต่อย่างใด
4.3 นักเรียน นิสิต นักศึกษา ของสถานศึกษาต่าง ๆ ในประเทศไทยที่ยื่นเรื่องขอผ่อนผัน การตรวจเลือกฯ ไว้แล้ว
- จะต้องไปรายงานตัวเข้ารับการตรวจเลือกฯ ต่อคณะกรรมการตรวจเลือก ในวันตรวจเลือกฯ ตามที่กําหนดไว้ในหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.35) และจะรับสิทธิ์ผ่อนผันต่อเมื่อคณะกรรมการตรวจเลือก ได้คัดคนที่ยกเว้นด้วยเหตุต่าง ๆ ออกแล้ว และมีจํานวนคนที่จะส่งเข้ารับราชการทหารกองประจําการ ได้มากกว่าจํานวนที่ฝ่ายทหารต้องการ
- แต่ถ้าหากไม่ไปแสดงตนเข้ารับการตรวจเลือกฯ ตามหมายเรียกฯ (แบบ สด.35) ถือว่ามีความผิดและต้องได้รับโทษตามกฎหมาย
10. การหมดเหตุจากการยกเว้นหรือผ่อนผัน
บุคคลดังต่อไปนี้ ที่ได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผันการตรวจเลือกฯ ตามพระราชบัญญัติ รับราชการทหาร พุทธศักราช 2497 หากพ้นฐานะจากการยกเว้นหรือผ่อนผันฯ จะต้องไปแจ้งด้วยตนเอง ต่อผู้อํานวยการเขต/นายอําเภอภูมิลําเนาทหาร ภายใน 30 วัน นับจากวันที่พ้นฐานะการยกเว้นหรือผ่อนผันฯ ตามแต่กรณี ได้แก่
10.1 พระภิกษุที่มีสมณศักดิ์หรือที่เป็นเปรียญ และนักบวชในพระพุทธศาสนาแห่งนิกายจีนหรือญวนที่มีสมณศักดิ์
10.2 พระภิกษุ สามเณร และนักบวชในพระพุทธศาสนาแห่งนิกายจีนหรือญวน ซึ่งเป็นนักธรรมตามที่กระทรวงศึกษาธิการรับรอง
10.3 นักบวชศาสนาอื่นซึ่งมีหน้าที่ประจําในกิจของศาสนา ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้ออกใบสําคัญยกเว้น (แบบ สด.36) ให้ไว้เป็นหลักฐาน
10.4 บุคคลซึ่งอยู่ในระหว่างการฝึกวิชาทหารตามหลักสูตรที่กระทรวงกลาโหมกําหนด ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร (นักศึกษาวิชาทหาร)
10.5 ครูซึ่งประจําทําการสอนหนังสือหรือวิชาการต่าง ๆ ที่อยู่ในความควบคุมของ กระทรวง ทบวง กรม หรือราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดออกใบสําคัญยกเว้นครู (แบบ สด.37) ให้ไว้เป็นหลักฐาน
10.6 นักศึกษาของศูนย์กลางอบรมการศึกษาผู้ใหญ่ของกระทรวงศึกษาธิการ
10.7 นักศึกษาของศูนย์ฝึกการบินพลเรือนของกระทรวงคมนาคม
10.8 นักเรียนซึ่งออกไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดออกหนังสือผ่อนผันฯ (แบบ สด.41) ให้ไว้เป็นหลักฐาน
10.9 นักเรียน นิสิต นักศึกษา ของสถานศึกษาต่าง ๆ ในประเทศไทยที่พ้นสภาพจากการเป็นนักศึกษาของสถานศึกษาทุกกรณี
11. การขอสละสิทธิ์จากการยกเว้นหรือผ่อนผัน
- ผู้ที่ได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผันการตรวจเลือกฯ ตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร
พุทธศักราช 2497 ตามข้อ 6 – 9 ที่ต้องการสละสิทธิ์ - ให้ไปยื่นคําร้องต่อนายอําเภอภูมิลําเนาทหารได้ ตั้งแต่ บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 10 มีนาคม 2568
- หรือยื่นคําร้องขอสละสิทธิ์ต่อคณะกรรมการตรวจเลือก ในวันที่ไปเข้ารับการตรวจเลือกฯ ตามที่กําหนดในหมายเรียกฯ (แบบ สด.35) ของนายอําเภอภูมิลําเนาทหาร
12. การตรวจโรคก่อนการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจําการ
13. การตรวจสภาพร่างกาย หรือสภาพจิตใจของผู้ที่มีภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกําเนิด ที่ยังไม่ได้แปลงเพศหรือไม่ได้ปรับเปลี่ยนร่างกาย
14. สิทธิของทหารกองเกินในวันตรวจเลือกฯ
14.1 ยื่นคําร้องขอยกเว้นหรือผ่อนผัน
- ตามมาตรา 14(1) และ มาตรา 29(1 หรือ 2)
14.2 ยื่นคําร้องขอสละสิทธิ์จากการยกเว้นหรือผ่อนผันทุกกรณี
- ภายในการเรียกชื่อรอบที่ 1 หรือกรณีที่การเรียกชื่อรอบที่ 1 แล้วเสร็จเกินเวลา 12.00 นาฬิกา ให้สละสิทธิ์ได้ภายในเวลา 12.00 นาฬิกา
14.3 การให้ผู้แทนมาแจ้งต่อคณะกรรมการตรวจเลือก ว่า “ป่วย”
14.4 การแสดงหลักฐานว่าเป็นผู้ที่จะได้รับการยกเว้น – ผ่อนผันทุกกรณี
- เช่น มาตรา 29 (3)
14.5 การสมัครเข้ารับราชการทหารกองประจําการ
14.5.1 กรณีที่แจ้งความประสงค์ก่อนวันตรวจเลือกฯ สามารถเลือกหน่วยทหาร
ในพื้นที่มณฑลทหารบกที่ปกครองจังหวัดภูมิลําเนาทหารที่ต้องการเข้ารับราชการทหารได้
14.5.2 กรณีสมัครในวันตรวจเลือกฯ สามารถเลือกได้เฉพาะแผนก (ทหารบก ทหารเรือ หรือทหารอากาศ) และผลัด ที่มีการเรียกและส่งคนเข้ากองประจําการ ในท้องที่เขต/อําเภอนั้น ๆ เท่านั้น โดยสามารถสมัครได้ทุกขั้นตอนของการตรวจเลือกฯ (การเรียกชื่อฯ, ตรวจร่างกาย, วัดขนาด, ตรวจสอบ และปล่อยตัว) แต่ต้องก่อนการจับสลาก
14.6 การยื่นขอสิทธิลดวันรับราชการของผู้ที่ต้องเข้ากองประจําการ สําหรับผู้ที่มีคุณวุฒิพิเศษ
- จะได้รับสิทธิลดวันรับราชการทหารกองประจําการน้อยกว่า 2 ปี ต่อเมื่อได้นําหลักฐานใบระเบียน แสดงผลการเรียนหรือใบรายงานผลการศึกษา หรือหนังสือสําคัญแสดงวิทยฐานะสําเร็จการฝึกวิชาทหาร (รด.3) หรือหนังสือรับรองสําเร็จการศึกษาจากสถานศึกษาฉบับจริง แล้วแต่กรณี (หนังสือรับรองสําเร็จการศึกษา ของสถานศึกษา หรือหนังสือรับรองของศูนย์การฝึก/หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ที่ระบุวันที่สําเร็จการศึกษา ก่อนวันทําการตรวจเลือกฯ สามารถนํามาเป็นหลักฐานในการขอสิทธิลดฯ ได้) พร้อมฉบับสําเนาไปแสดงต่อ คณะกรรมการตรวจเลือก และให้เขียนคําร้องไว้เป็นหลักฐานภายในวันตรวจเลือกฯ เท่านั้น โดยจะได้รับสิทธิ ลดวันรับราชการ ดังนี้
ประเภทการศึกษา (สําเร็จระดับ) | ระยะเวลาเข้ารับราชการทหารกองประจําการ | |
ร้องขอฯ (สมัคร) | ไม่ร้องขอฯ (ไม่สมัคร) | |
มัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า (ม.6 หรือ ปวช. หรือเทียบเท่า) | 1 ปี | 2 ปี |
ปวท., ปวส., อนุปริญญา หรือ ปริญญาตรีขึ้นไป | 6 เดือน | 1 ปี |
นักศึกษาวิชาทหาร ชั้นปีที่ 1 | 1 ปี | 1 ปี 6 เดือน |
นักศึกษาวิชาทหาร ชั้นปีที่ 2 | 6 เดือน | 1 ปี |
นักศึกษาวิชาทหาร ชั้นปีที่ 3 | ทางราชการนําตัวขึ้นทะเบียนกองประจําการ และนําปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 โดยในวันตรวจเลือกฯ ไม่ต้องไปเข้ารับการตรวจเลือกฯ |
14.7 การแสดงสิทธิคัดค้านผลการตรวจเลือกฯ ของกรรมการแต่ละหน้าที่ในระหว่าง การตรวจร่างกายหรือวัดขนาด
- หากผู้เข้ารับการตรวจเลือกฯ เห็นว่าการตรวจหรือการวัดขนาดร่างกายของ คณะกรรมการตรวจเลือกดําเนินการไม่ถูกต้องหรือไม่ยุติธรรม ซึ่งไม่ตรงกับลักษณะของตนเองหรือมีข้อสงสัย ประการใด
- ก็ให้สามารถคัดค้านหรือสอบถามในขณะนั้นได้ทันที เพื่อให้คณะกรรมการตรวจเลือกพิจารณาตรวจหรือวัดขนาดร่างกายใหม่
- หากไม่มีการคัดค้านให้ถือว่ายอมรับผลการดําเนินการของคณะกรรมการตรวจเลือก
14.8 การแจ้งเหตุอื่น ๆ
- เช่น ต้องโทษ, ตาย, เข้ากองประจําการ และสําเร็จการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ชั้นปีที่ 3 ขึ้นไป เป็นต้น
15. สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อเป็นทหารกองประจําการ
15.1 สิทธิประโยชน์ตามที่กระทรวงกลาโหมกําหนด
ซึ่งผู้ที่เป็นทหารกองประจําการแผนกทหารบก, แผนกทหารเรือ หรือแผนกทหารอากาศ จะได้รับสิทธิ ดังนี้
15.1.1 ได้รับเงินเดือน, เบี้ยเลี้ยงประจํา และเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวรวมกันแล้ว ต้องไม่เกินเดือนละ 11,000 บาท
15.1.2 ได้รับการแจกจ่ายเครื่องแต่งกายและของใช้ส่วนตัว
15.1.3 ได้รับสิทธิการรักษาพยาบาลโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในระหว่างที่เป็นทหาร
15.1.4 ได้รับการให้ลาป่วย หรือลากิจ ตามที่กระทรวงกลาโหมกําหนด 15.1.5 มีสิทธิได้นับเวลาราชการเป็นทวีคูณ ตามที่กระทรวงกลาโหมกําหนด
15.1.6 สามารถสมัครเข้ารับราชการต่อได้คราวละ 1 ปี จนมีอายุไม่เกิน บริบูรณ์ และเมื่อจะสมัครสอบเข้ารับราชการในกองทัพบก จะได้รับคะแนนเพิ่มเติมพิเศษอีกร้อยละ 5 ต่อครั้ง ที่ขออยู่ต่อ โดยไม่จํากัดจํานวนครั้งในการขออยู่ต่อ
15.1.7 ได้รับคะแนนเพิ่ม และสัดส่วน/โควตาในการสอบบรรจุเข้ารับราชการสอบเข้าเป็นนักเรียนทหาร และสอบเข้าเป็นทหารอาสา ดังนี้
15.1.7.1 คะแนนเพิ่มของคะแนนรวมภาควิชาการ เมื่อสอบบรรจุเข้า รับราชการในกระทรวงกลาโหม ดังนี้
15.1.7.2 การกําหนดสัดส่วน/โควตา ในการสอบเข้าเป็นนักเรียนทหาร
15.1.7.3 การกําหนดสัดส่วน/โควตา ในการสอบเข้าเป็นทหารอาสา
15.2 สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากข้อ 15.1 ของแต่ละเหล่าทัพ (แผนกทหารบก, แผนกทหารเรือ หรือแผนกทหารอากาศ) ซึ่งผู้ที่เป็นทหารกองประจําการ จะได้รับสิทธิเพิ่มเติม ดังนี้
15.2.1 แผนกทหารบก
15.2.1.1 ได้รับค่าตอบแทนเพิ่มเติม สําหรับผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่
15.2.1.2 ได้รับเงินเพิ่มพิเศษหรือค่าตอบแทนรายเดือนเพิ่มเติมตามที่
15.2.1.3 ได้รับเงินเพิ่มพิเศษเมื่อบ้านพักอาศัย (บ้านที่กําลังพลมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน หรือบ้านที่กําลังพลมีสิทธิโดยถูกต้องตามกฎหมาย ยกเว้น บ้านพักของทางราชการหรือบ้านเช่า) ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ
15.2.1.4 ผู้ที่มีคุณวุฒิสําเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และอายุ ไม่เกิน 24 ปีบริบูรณ์ มีสิทธิสมัครสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก ประจําปีการศึกษา 2518 ในอัตราส่วน (โควตา) ทหารกองประจําการ ร้อยละ 80 : บุคคลทั่วไป ร้อยละ 20 เพื่อเป็นขวัญกําลังใจและ ส่งเสริมทหารกองประจําการให้ได้รับสิทธิในการเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก และหากมีผลการเรียนอยู่ใน เกณฑ์ดีเยี่ยม จะมีสิทธิได้รับการคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ตามจํานวนที่กองทัพบกจัดสรรให้ในแต่ละปี
15.2.1.5 ได้รับโควตาในการสอบเข้าโรงเรียนนายสิบทหารบก จํานวน ร้อยละ 30 ของจํานวนโควตาที่รับจากทหารกองประจําการในแต่ละห้วงเวลา ซึ่งปัจจุบัน กองทัพบก มีการ จัดสรรโควตาในการสอบเข้า โรงเรียนนายสิบทหารบก โดยรับจากทหารกองประจําการ ร้อยละ 80 และรับจากบุคคลพลเรือน ร้อยละ 20 รวมทั้งสามารถสอบเข้า โรงเรียนนายสิบทหารบก ได้ตั้งแต่ห้วงรับราชการทหาร กองประจําการ (ไม่ต้องรอปลดจากกองประจําการ)
15.2.1.6 ได้รับการประกันชีวิตในระหว่างรับราชการทหารกองประจําการ
15.2.1.7 มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ในด้านการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลทหาร ในสังกัด กองทัพบก, ได้รับเครื่องแต่งกาย, อุปกรณ์ที่จําเป็นต่อการฝึกและการดํารงชีวิต ประจําวัน ตลอดจนสิ่งอํานวยความสะดวกอื่น ๆ
15.2.1.8 สําหรับผู้ที่มีการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาหรือระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ในระหว่างรับราชการทหารกองประจําการ จะได้รับการศึกษาต่อตามระบบการศึกษา นอกโรงเรียนหรือการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จนสําเร็จการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นอีกหนึ่งระดับ
15.2.1.9 ได้รับโควตาในสอบบรรจุเข้าเป็นทหารอาสาทั้งประเภท นายทหารสัญญาบัตรและนายทหารประทวน โดยกําหนดสัดส่วนรับจากทหารกองหนุนจากทหารกองประจําการจํานวนร้อยละ 50 และรับจากทหารกองหนุนจากแหล่งอื่น จํานวนร้อยละ 50
15.2.1.10 ได้รับการฝึกอบรมวิชาชีพด้านต่าง ๆ ในสาขาที่สนใจก่อนปลดออกจากกองประจําการ ตามขีดความสามารถของหน่วย
15.2.1.11 กองทัพบกได้จัดโครงการจัดหางานให้กับทหารกองประจําการที่ปลดออกจากกองประจําการตามความสมัครใจ เพื่อให้มีอาชีพเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว
15.2.2 แผนกทหารเรือ
15.2.2.1 ทหารกองประจําการที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ตามที่กองทัพเรือกําหนด จะได้รับคะแนนเพิ่มพิเศษในการสอบเข้าเป็นนักเรียนจ่าทหารเรือ คือ ผ่านการเป็นทหารกองประจําการ 5 เดือน, 1 ปี หรือ 2 ปี ให้ได้รับคะแนนเพิ่มร้อยละ 4, 5 หรือ 6 ของคะแนนรวมตามลําดับ
15.2.2.2 มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่าง ๆ การรักษาพยาบาลในโรงพยาบาล
15.2.2.3 สําหรับผู้ที่มีการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาหรือระดับ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นในระหว่างรับราชการทหารกองประจําการ จะได้รับการศึกษาต่อตามระบบการศึกษานอกโรงเรียนหรือการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จนสําเร็จการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นอีกหนึ่งระดับ
15.2.2.4 ทหารกองหนุน สังกัดกองทัพเรือ (ปลดจากกองประจําการ) มีเวลารับราชการในกองประจําการอย่างน้อย 1 ปี และมีอายุไม่เกิน 24 ปีบริบูรณ์ สําเร็จการศึกษาตาม หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือกําลังศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หรือสําเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือกําลังศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 3 ของกระทรวงศึกษาธิการหรือเทียบเท่ามีสิทธิสมัครสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนจ่าทหารเรือ
15.2.3 แผนกทหารอากาศ
15.2.3.1 ได้รับค่าตอบแทนเพิ่มเติม และการประกันชีวิตสําหรับผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน หรือพื้นที่เสี่ยงภัย
15.2.3.2 ได้รับเงินสงเคราะห์ด้านสวัสดิการ ตามที่กองทัพอากาศกําหนด
15.2.3.3 จะได้รับสิทธิในการสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเข้ารับราชการ
ในกองทัพอากาศ เป็นนายทหารประทวนในเหล่าอากาศโยธินและเหล่าทหารสารวัตร (ตามคุณสมบัติที่กองทัพอากาศกําหนด)
15.2.3.4 มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ในด้านการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลทหาร สังกัดกองทัพอากาศ, ได้รับเครื่องแต่งกาย, อุปกรณ์ที่จําเป็นต่อการฝึกและการดํารงชีวิต ประจําวัน ตลอดจนสิ่งอํานวยความสะดวกอื่น ๆ
15.2.3.5 สําหรับผู้ที่มีการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาหรือระดับ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นในระหว่างรับราชการทหารกองประจําการ จะได้รับการศึกษาต่อตามระบบการศึกษานอกโรงเรียนหรือการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จนสําเร็จการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นอีกหนึ่งระดับ
5.2.3.6 ได้รับการฝึกอบรมวิชาชีพด้านต่าง ๆ ในสาขาที่สนใจก่อนปลดออกจากกองประจําการ
15.2.3.7 มีสิทธิสอบคัดเลือกบรรจุเข้าเป็นทหารอาสาในตําแหน่งต่าง ๆ ตามที่กองทัพอากาศกําหนด
15.2.3.8 มีสิทธิสมัครสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในโรงเรียนจ่าอากาศหรือโรงเรียนทหาร สังกัดกระทรวงกลาโหม และมีคุณวุฒิ หรือคุณสมบัติอื่น ๆ ตามที่กําหนด และมีอายุไม่เกิน 24 ปีบริบูรณ์ ในปีที่จะเข้าเป็นนักเรียนทหาร โดยมีสัดส่วนการรับร้อยละ 80 ของจํานวนการรับ
15.2.3.9 ทหารกองประจําการ สังกัดกองทัพอากาศที่มีเวลารับราชการ
ในกองประจําการครบ 2 ปี มีสิทธิสอบบรรจุเข้ารับราชการ โดยเป็นการสอบคัดเลือกเฉพาะกลุ่มทหาร กองประจําการ ซึ่งจํานวนตําแหน่งและอัตรา เป็นไปตามที่กองทัพอากาศกําหนด
15.2.3.10 ทหารกองประจําการที่ไม่มีสิทธิลดวันรับราชการในกอง ประจําการ (ต้องอยู่รับราชการในกองประจําการครบ 2 ปี) และมีคุณวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า ณ วันปลดประจําการให้ได้รับคะแนนเพิ่ม ร้อยละ 2 ของคะแนนสอบภาควิชาการ
15.2.3.11 ทหารกองประจําการที่ประสงค์จะขออยู่รับราชการฯ ต่ออีก คราวละ 1 ปี (ต่อได้ถึงอายุ 30 ปี) ได้รับคะแนนเพิ่ม ร้อยละ 4 ต่อปี ของคะแนนสอบภาควิชาการ
16. ผู้ที่คณะกรรมการตรวจเลือกกําหนดให้เข้ากองประจําการเห็นว่า คณะกรรมการตรวจเลือก ตัดสินไม่ถูกต้องหรือไม่ยุติธรรม
- ให้ยื่นคําร้องต่อคณะกรรมการชั้นสูงได้ที่ ณ สํานักงานสัสดีจังหวัดท้องที่ ที่ตนเองเข้ารับการตรวจเลือกฯ ภายใน 10 วัน นับตั้งแต่วันเสร็จสิ้นการตรวจเลือกฯ ของตนเอง เพื่อให้ คณะกรรมการชั้นสูงพิจารณาตัดสินใหม่ ซึ่งคําตัดสินของคณะกรรมการชั้นสูงให้ถือเป็นที่สุด
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
- หน่วยสัสดีเขต/อำเภอ ทุกเขต/อำเภอ
- สำนักงานสัสดีกรุงเทพมหานคร หรือสำนักงานสัสดีจังหวัด ทุกจังหวัด
- ฝ่ายสรรพกำลังมณฑลทหารบก ทุกหน่วย
- แผนกสรรพกำลังกองทัพภาคที่ 1-4
- กองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน
– เลขที่ 2 ถนนเจริญกรุง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
– หมายเลขโทรศัพท์ 0 2223 3259, 0 2223 3421
– เว็บไซต์ http://sassadee.rta.mi.th
– Facebook กองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน - หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน
– เว็บไซต์ www.tdc.mi.th - หมายเลขโทรศัพท์หน่วยงานสัสดีทั่วประเทศ
– ภาคกลาง (กองทัพภาคที่ 1)
– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (กองทัพภาคที่ 2)
– ภาคเหนือ (กองทัพภาคที่ 3)
– ภาคใต้ (กองทัพภาคที่ 4)