มาตรการในการแก้ไขปัญหาเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงศึกษาธิการ เร่งขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาล เพื่อให้เด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ครบทุกคน

มอบหมาย
- สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน เปรียบดั่งเป็นมันสมองในการคิด
- สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยดำเนินการในการพัฒนาระบบและเป็นหลักในการรวบรวมฐานข้อมูล
- สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กรมส่งเสริมการเรียนรู้ และหน่วยงานในสังกัดและในกำกับทุกหน่วยงาน เป็นหน่วยสนับสนุน
มิติของการดำเนินงาน ยึดแนวทาง 3 ด้าน ในการ “ป้องกัน แก้ไข ส่งต่อ” เพื่อแก้ปัญหาเด็กนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็น “0”
- “การป้องกัน” สำหรับมาตรการในการป้องกันเด็กและเยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษา ให้หน่วยงานที่มีหน้าที่เร่งหามาตราการที่เหมาะสม ทั้งบริบทของหน่วยการศึกษาและพื้นที่ เร่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการศึกษาของเด็กและเยาวชนในประเทศที่มีสัญชาตไทย เพื่อให้การศึกษาสามารถเข้าถึงทุกคนอย่างเท่าเทียมและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะผู้ปกครองต้องมีการให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสิทธิในการศึกษาและการช่วยเหลือทางการศึกษา เพื่อจะช่วยให้ผู้ปกครองรู้จักวิธีการสนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาของบุตรหลานอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาและสภาพแวดล้อมการเรียน การสนับสนุนทุนการศึกษาหรือสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเรียน จะช่วยให้เด็กสามารถเรียนต่อได้โดยไม่ต้องออกจากระบบ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน และการใช้ระบบการติดตามและเฝ้าระวัง
- “การแก้ไข” จากระบบฐานข้อมูลการติดตามข้อมูลเด็กนอกระบบการศึกษาแบบเรียลไทม์ ซึ่งมีการนำข้อมูลนักเรียนในระบบการศึกษาภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 ตรวจสอบกับเด็กนอกระบบการศึกษา เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลผลการติดตามเด็กนอกระบบการศึกษากับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา นำมาตรวจสอบกับเด็กนอกระบบ และส่งต่อไปยังสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ให้ดำเนินการติดตามเด็กนอกระบบการศึกษา โดยเฉพาะเด็กที่มีสัญชาติไทยและอยู่ในระบบการศึกษาภาคบังคับ ส่วนเด็กที่มีสัญชาติอื่น หรือเป็นเด็กไร้สัญชาติให้เป็นไปตามความสมัครใจ
- “การส่งต่อ” เด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา โดยการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานทางการศึกษาในพื้นที่ มีการนำกระบวนการติดตามและส่งต่อเด็กนอกระบบการศึกษาให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา อาทิ เด็กอายุ 3 – 15 ปี ส่งต่อให้กับ สพฐ. เพื่อนำเข้าสู่ระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน เด็กอายุ 16 – 18 ปี ส่งต่อให้กับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และกรมส่งเสริมการเรียนรู้ หรือเด็กยากจนส่งข้อมูลให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และส่วนเด็กที่ไม่ต้องการเข้าสู่ระบบการศึกษา ให้ส่งต่อข้อมูลให้จัดหางานจังหวัด ซึ่งการส่งต่อนั้นจะเป็นการช่วยเหลือและให้โอกาสกลับเข้าสู่การศึกษาในระบบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยปรับรูปแบบการเรียนให้เหมาะสมกับชีวิตประจำวัน
ที่มา : https://shorturl.asia/TPZQc
Post Views: 663
