อุทกภัยภาคใต้ ปี 2567

ติดตามสถานการณ์/ข่าวสาร แจ้งขอรับความช่วยเหลือ

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

    • ติดตามการรายงานสถานการณ์ ข่าวสารสาธารณภัย
      • Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM 
      • X @DDPMNews
    • ติดตามการประกาศแจ้งเตือนภัย
      • แอปพลิเคชัน “Thai Disaster Alert” ทั้งระบบ IOS และ Android
    • หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้
      • ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM **สามารถแชร์พิกัดแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันที
      • สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ต้องการความช่วยเหลือ/ขอรับความช่วยเหลือ

    • ได้รับผลกระทบ น้ำท่วม ดินโคลนถล่ม น้ำป่าไหลหลาก
        • ศูนย์ดำรงธรรม ☎️ โnร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง
    • ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วม หรือที่พักอาศัยมีดินโคลนปกคลุม และเกิดทรุดและชำรุด
        • สายด่วนกรมทางหลวง ☎️ โทร. 1586 ตลอด 24 ชั่วโมง
    • สอบถามสถานการณ์น้ำท่วม / แจ้งเรื่องร้องเรียน / ขอความช่วยเหลือ
        • สายด่วน ☎️ 1111 โทรฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง

ข่าวสารเส้นทาง

สภาพอากาศ

สถานการณ์น้ำ/ระดับน้ำ

สถานการณ์ภัยพิบัติด้านอื่น ๆ 

บริการจอดรถฟรี สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย

ท่าอากาศยานหาดใหญ่

    • ท่าอากาศยานหาดใหญ่ บริการจอดรถฟรี สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ตั้งแต่บัดนี้ และจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ณ สนามฟุตบอล ท่าอากาศยานหาดใหญ่
    • สามารถเข้าลิงก์ หรือสแกน QR Code เพื่อลงทะเบียนเข้าใช้บริการได้ที่ https://forms.gle/4BYe2baB3Ak36BqX9
    • อ่านเพิ่มเติม

การเดินทาง

มาตรการช่วยเหลือ

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ศูนย์ฯ ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่

    • ตั้ง ‘ศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร ระดับจังหวัด เป็นศูนย์ฯ ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่’ เพื่อดำเนินการประเมินสถานการณ์ความเสียหายด้านการเกษตร พร้อมกับให้คำแนะนำในการรับมือสถานการณ์อุทกภัย และสำรวจผลกระทบด้านการเกษตร ตลอดจนหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมทุกมิติ

หน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในเบื้องต้น

    1. กรมชลประทาน สนับสนุนเครื่องจักรเครื่องมือในพื้นที่ประสบอุทกภัย ดังนี้ เครื่องสูบน้ำ 96 เครื่อง เครื่องผักดันน้ำ 7 เครื่อง รถสูบน้ำเคลื่อนที่ 3 คัน รถขุด 63 คัน เรือขุด 13 ลำ เรือกำจัดวัชพืช 2 ลำ รถแทรกเตอร์ 36 คัน รถบรรทุก 70 คัน เครื่องจักรสนับสนุน 145 หน่วย ดูแลความปลอดภัยของประชาชน 24 ชั่วโมง อ่านเพิ่มเติม
    2. กองตรวจการประมง กรมประมง ระหว่างวันที่ 27 – 29 พ.ย. 2567 ดำเนินการช่วยเหลือ ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี นครศรีธรรมราช และจังหวัดสงขลา โดยให้ความช่วยเหลือ เช่น จัดชุดเฉพาะกิจพร้อมเจ้าหน้าที่ 42 ชุด รถยนต์ 11 คัน เรือตรวจการประมง 7 ลำ นำส่งเสบียงอาหาร และน้ำดื่ม พร้อมทั้งอพยพประชาชน ผู้ป่วย เด็กและคนชรา ในพื้นที่ประสบภัยสู่พื้นที่ปลอดภัย
    3. กรมปศุสัตว์ อพยพสัตว์ 200,704 ตัว รักษาสัตว์ 140 ตัว ส่งเสริมสุขภาพสัตว์ 79 ซอง ถุงยังชีพสัตว์ 73 ถุง หญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน 66,500 กิโลกรัม เป็นต้น
    4. กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ส่งเฮลิคอปเตอร์ ลำที่ 3 สมทบช่วยน้ำท่วมภาคใต้ โดยยกตัวจากสนามบินเกษตรคลองหลวง เวลา 14.00 น. ไปรับถุงยังชีพที่สนามบินดอนเมือง เพื่อนำไปส่งยังพื้นที่น้ำท่วม จ.นราธิวาส

จัดตั้งจุดโรงครัวเพื่อผลิตอาหารแจกจ่ายแก่ผู้ประสบอุทกภัย

    1. สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดยะลา อาคารส่วนขยาย ชั้น 1 ศาลากลาง จังหวัดยะลา โทร 0-7322-1711
    2. สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส โทรศัพท์ : 0-7351-1378
    3. การยางแห่งประเทศไทย จังหวัดสตูล อ.เมือง จ.สตูล โทรศัพท์ : 0-7471-1378
    4. สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองพัทลุง อ.เมือง จ.พัทลุง โทรศัพท์ : 0-7461-3193
    5. สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครศรีธรรมราช อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โทรศัพท์ : 0-7535-6254 , 0-7535-6454
    6. สำนักงานเกษตรอำเภอปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี โทรศัพท์ : 0-7346-6062
    7. สถานีพัฒนาที่ดิน อ.จะนะ จ.สงขลา โทร. 0-7489-4300

ศูนย์พักพิง

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

  • นราธิวาส ยะลา ปัตตานี และสงขลา ได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวและจุดอพยพ รวม 200 แห่ง ได้แก่ นราธิวาส 79 แห่ง สงขลา 16 แห่ง ยะลา 43 แห่ง และปัตตานี 62 แห่ง
  • เปิดศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก เพื่อรองรับผู้ประสบภัยจำนวน 2 แห่ง มีผู้เข้าพัก 542 คน ได้แก่ 1) ศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก หมู่ที่ 3 บ้านบือราเป๊ะ ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส มีผู้เข้าพัก 242 คน และ 2) ศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี มีผู้เข้าพัก 300 คน
  • นอกจากนี้ ยังมีศูนย์พักพักชั่วคราวรองรับประชาชนที่อพยพจากพื้นที่เสี่ยงภัย โดยมีศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก 7 จังหวัด 12 แห่ง แต่ละแห่งรองรับประชาชนได้กว่า 300 คน รวมถึงศูนย์พักพิงชั่วคราวอีกกว่า 2,700 แห่ง พร้อมรองรับผู้ประสบภัยอีกเป็นจำนวนมาก
  • อ่านเพิ่มเติม

แนะนำ/แจ้งเตือน

คำแนะนำทั่วไปในช่วงน้ำท่วม

ไฟฟ้า

การขับขี่รถ

โรคและการป้องกัน

การดูแลสุขภาพ

ขยะและสิ่งปฏิกูล

มาตรการช่วยเหลือทางการเงิน

1. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

 มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ 

    • เลื่อนการชำระหนี้สูงสุดไม่เกิน 1 ปีสำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ที่ประกาศเป็นเขตประสบภัยโดยผู้ว่าราชการจังหวัด โดยไม่คิดดอกเบี้ยปรับเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
    • ลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่สาขาในสังกัด

มาตรการฟื้นฟูและเสริมสภาพคล่องเกษตรกร ผ่านโครงการดังนี้

    • โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2567/68
      • เพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรในด้านค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น
      • อัตราดอกเบี้ย 0% 6 เดือนแรก เดือนที่ 7 คิดอัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับร้อยละ 6.975)
      • วงเงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท
    • โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต
      • เพื่อเป็นค่าลงทุนในการซ่อมแซมบ้านเรือนและทรัพย์สิน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์ การเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตรรอบใหม่
      • วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2

สำหรับเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ 

    • สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ ธ.ก.ส. สาขาที่ได้รับผลกระทบ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
    • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 📞Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง
    • อ่านเพิ่มเติม

2. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย

    • สำหรับลูกค้าปัจจุบัน
        • ลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยพักชำระหนี้นาน 3 เดือน พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 0% ต่อปี 3 เดือนแรก และเดือนที่ 4 – 12 คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2.00% ต่อปี พร้อมลดเงินงวดลง 50% ของเงินงวดที่ชำระในปัจจุบัน
        • เมื่อครบระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ ลูกค้าสามารถกลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เดิมต่อไป
    • สำหรับลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าใหม่
        • กู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม วงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1 – 3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด, อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 4 – 24 เท่ากับ 2.00% ต่อปี, อัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 เท่ากับ MRR-3.30% ต่อปี (3.24% ต่อปี), ปีที่ 4 เท่ากับ MRR-2.40% ต่อปี (4.14% ต่อปี) และปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี, ลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี
        • กู้เพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบัน เท่ากับ 6.545% ต่อปี) ระยะเวลาการกู้ 40 ปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,100 บาท เท่านั้น พิเศษ!ฟรีค่าธรรมเนียมราคาหลักประกัน (1,900 – 2,800 บาท) และค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการจำนองไม่เกิน 1% ของวงเงินจำนอง เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนอีกด้วย
    • ลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการ “โครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย” สามารถติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568

5 มาตการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2567

    • มาตรการที่ 1 : สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่หลักประกันได้รับความเสียหาย
        • ให้ประนอมหนี้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 6 เดือน โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และไม่ต้องชำระเงินงวด จากนั้นเดือนที่ 7-18 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน
        • เมื่อครบระยะเวลา ประนอมหนี้ให้กลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้
    • มาตรการที่ 2 : สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้
        • ให้ประนอมหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาท (ตัดเงินต้นทั้งหมด) จากนั้น เดือนที่ 7-12 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน บวกอีก 100 บาท
        • เมื่อผ่อนชำระครบระยะเวลาประนอมหนี้ ให้ลูกค้ากลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้
    • มาตรการที่ 3 : สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร
        • ให้ผ่อนชำระ โดยใช้อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ตลอดระยะเวลาที่คงเหลือ (พิจารณาเป็นรายกรณี)
    • มาตรการที่ 4 : สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL
        • หากที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลัง และไม่สามารถซ่อมแซมได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร และให้ผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือเท่านั้น (พิจารณาเป็นรายกรณี)
    • มาตรการที่ 5 : พิจารณาสินไหมเร่งด่วน (Fast Track)
        • สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย ซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติกับบริษัทประกันภัยที่ธนาคารจัดให้
        • พิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าที่ประสบภัยทุกราย อย่างเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ โดยผู้เอาประกันสามารถแจ้งความเสียหายโดยใช้ภาพถ่าย จ่ายตามความเสียหายจริงไม่เกิน 20,000 บาท
        • สำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติตามความเสียหายจริงอีกไม่เกิน 30,000 บาท ต่อปี (รายละเอียดและเงื่อนไขเป็นไปตามกรมธรรม์)

ลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการ “ 5 มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2567 ”

    • มาตรการที่ 1-4 สามารถติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งวันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2567
    • มาตรการที่ 5 ติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

3. EXIM BANK

      EXIM BANK ออกมาตรการ “เพิ่มทุน – ลดภาระ – ขยายระยะเวลา” ช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในภาคใต้

    • เพิ่มทุนและโอกาสฟื้นฟูกิจการ
      • เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว สูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนเดิม ทั้งนี้ ไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยใช้ อัตราดอกเบี้ยเดิม
      • แปลงภาระหนี้ระยะสั้น เป็นภาระหนี้ระยะยาว ผ่อนชำระสูงสุด 3 ปี
    • ลดภาระ
      • พักชำระหนี้เงินต้น สูงสุด 12 เดือน
      • ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ปีแรกลง 0.50% หรือ จ่ายดอกเบี้ยเพียง 50% ในช่วง 6 เดือนแรก
    • ขยายระยะเวลา
      • ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงิน สูงสุด 180 วัน
      • ขยายระยะเวลาเงินกู้ สูงสุด 7 ปี
        ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย Prime Rate ปัจจุบันเท่ากับ 6.35% ต่อปี

          ลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือได้โดยลงทะเบียนผ่าน www.exim.go.th สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ EXIM Contact Center โทร. 02 169 9999 อ่านเพิ่มเติม

4. EXIM BANK

มาตรการ “พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย”

    • สำหรับลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย สำหรับกลุ่มเงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term loan) สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน สัญญาเบิกเงินทุนหมุนเวียนประเภทตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) และสินเชื่อแฟคตอริ่ง ขยายระยะเวลาชำระตั๋วสัญญาใช้เงินออกไปอีกสูงสุด 180 วัน และสามารถพักชำระดอกเบี้ยได้

มาตรการ “เติมทุนฟื้นฟูกิจการ”

    • “สินเชื่อฉุกเฉิน” สำหรับลูกค้าเดิมได้รับผลกระทบทางตรง ที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ภัยพิบัติตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อให้มีวงเงินกู้ฉุกเฉิน นำไปฟื้นฟูธุรกิจเฉพาะหน้า วงเงินกู้ 10% ของวงเงินเดิม ขั้นต่ำ 30,000 บาท สูงสุด 200,000 บาท (บุคคลธรรมดา สูงสุด 100,000 บาท และนิติบุคคล สูงสุด 200,000 บาท) อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี ระยะเวลากู้ 3 ปี ปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน ไม่ต้องมีหลักประกัน ยกเว้นค่าธรรมเนียม ลดกระบวนการนำส่งเอกสารในการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรงเป็นการเร่งด่วน
    • “สินเชื่อ Boost Up เพื่อเอสเอ็มอีประสบอุทกภัย” เปิดกว้างทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยทางตรง ซึ่งมีสถานประกอบการอยู่ในพื้นที่ ตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อลงทุน ปรับปรุง หรือหมุนเวียนเสริมสภาพคล่อง เพื่อฟื้นฟูกิจการ วงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาท (รวมทุกสถาบันการเงินสูงสุดไม่เกิน 40 ล้านบาท) อัตราดอกเบี้ย 3.50% ต่อปี คงที่ 2 ปีแรก ส่วนปีที่ 3 เป็นต้นไป MLR +1.5%ต่อปี ระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 5 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 12 เดือน หลักประกัน ใช้ บสย.ค้ำประกันได้เต็มวงเงิน สิ้นสุดวันรับคำขอกู้ภายใน 30 ธันวาคม 2567 หรือจนกว่าจะเต็มวงเงินของโครงการ

        มาตรการช่วยเหลือครั้งนี้เป็นทางเลือกโดยสมัครใจ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องการรับบริการ แจ้งความประสงค์ได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น สาขาของ SME D Bank ทุกแห่ง , LINE Official Account : SME Development Bank , เว็บไซต์ www.smebank.co.th เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

อ่านเพิ่มเติม

ข่าวอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567